ชีวิตคิดบวกแบบ 100 % กับไอดอลของวัยรุ่นสายเกมเมอร์
ทุกวันนี้ชีวิตคุณมีความสุขแบบ 100% รึเปล่า? ถ้าคำคอบคือ ไม่ใช่ ‘ไนท์’ สตรีมเมอร์จากช่อง Gssspotted ที่กำลังโด่งดังอยู่ในโลกออนไลน์จะมามอบสิ่งดี ๆ และปลดล็อกความสุขให้กับคุณ ไม่ใช่แค่ 100% หรือ 200% แต่คือ 300% ไปเลยเว้ย
‘ไนท์—พิชญุตม์ สิทธิพันธุ์’ คือนักศึกษาปีที่ 6 จากคณะสถาปัตยกรรมที่ผันตัวเองมาเป็นสตรีมเมอร์ภายใต้ช่องชื่อ Gssspotted แค่ชื่อก็กินขาดแล้ว! ไหนจะไอเทมประจำตัวอย่างแว่นตาและผ้าขาวม้าอีก ความพิเศษของไนท์คือ นอกจากจะเล่นเกมสนุก ๆ ให้คนได้ดูแล้ว ไนท์ยังมีเรื่องชวนขำมาเล่าให้ได้ฟังอยู่บ่อย ๆ
เรื่องที่ไนท์เอามาเล่าดูจะเป็นเรื่องทั่วไปในชีวิตประจำ เป็นเรื่องที่เรามักมองผ่านไปโดยไม่ได้สนใจอะไรมาก แต่ไนท์หยิบจุดเล็ก ๆ น้อย ๆ มาเล่าให้ฟังได้อย่างมีสันสัน จนเราอดที่จะขำตามไม่ได้
‘ไนท์’ พิชายุทธ สิทธิพันธุ์ อายุ 27 เป็นนักศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 6 กำลังจะขึ้นปีที่ 7 เรื่อยๆ ไม่มีขีดจำกัดว่าจะจบเมื่อไหร่
ทำไมถึงใช้ชื่อในเกมว่า อาเธอร์ (Arthur) คือชื่ออาเธอร์พ่อผมไม่ได้แต่งตั้งขึ้นมา คงไม่มีพ่อใครที่จะตั้งชื่อ-ลู-ก-ตัวเองว่าอาเธอร์แน่นอน ยกเว้นพ่อคนนั้นจะติดดูอัศวินโต๊ะกลมมากเกินไป แต่คือชื่ออาเธอร์มันมาจากอัศวินโต๊ะกลมจริง ๆ พ่อผมเค้าชอบดูซีรีส์ตลกเก่าสไตล์เหมือน ‘ก่อนบ่ายคลายเครียด’
เป็นซีรีส์ของฝรั่งชื่อว่า ‘Monty Python’ มันมีตอนนึงที่เป็นธีมอัศวินโต๊ะกลม แล้วเป็นตอนที่ผมจำได้มากที่สุด ผมก็เลยเอาตัวละครที่เป็นพระเอกซึ่งก็คือ King Arthur นั่นแหละมาใช้ในเกม แล้วพอใช้ไปนานเข้าเนี่ย แม้กระทั่งเพื่อนที่สนิทก็ติดเรียกผมว่าอาเธอร์ ก็เลยใช้ชื่อเป็น ‘อาเธอร์’ ไป
ที่มาชื่อช่อง Gssspotted คือชื่อช่องเนี่ยมันมาจากการที่ว่า เพื่อนผมคนนึง ตอนนั้นคือยังไม่ได้ตัดสินใจสตรีม แต่กำลังคิดถึงอะไรหลาย ๆ อย่าง ก็เคยไปเล่าให้เพื่อนฟัง แล้วเพื่อนคนนั้นเป็นคนสนิท ถ้าใครเคยดูยูทูบจะรู้จักเพื่อนของผมคนนี้ในนามของ ‘มายด์โรงบาลหรู’
เป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดในมหา’ลัย แล้วมันเป็นคนค่อนข้างที่จะ-ท-ะ-ลึ่-ง-ตึ-ง-ตั-ง หยาบคาย แล้วมีช่วงนึงก่อนที่ผมจะเริ่มสตรีม ช่วงนั้นผมแข่ง eSports คนอื่นเค้าก็เรียก ‘ไนท์ eSports’ แต่เพื่อนผมบอกว่ามันซ้ำแล้ว มันเยอะไป เปลี่ยนเป็น ‘ไนท์จีสปอต’ ดีกว่า
ซึ่ง Gssspotted เนี่ยเราพยายามหาความหมายมาให้เข้ากับมัน พอคนมาถามเค้าก็-ก-ลั-ว-จะคิดไปว่าเป็นจีสปอตอย่างเดียว เราเลยพยายามหาความหมายมาให้มัน ไอ่คำว่า G มาจาก gray ที่แปลว่าสีเทา คือช่องเราเป็นช่องที่เรียกได้ว่า ไม่ได้ดำซะทีเดียว
ก็เลยเป็นช่องสีเทา เป็น gray spot เป็นจุดเทา มาจากคำสอนของจีนที่ว่าในความดำมืดยังไงก็ต้องมีจุดขาวอยู่จุดนึง ในขาวก็ต้องมีดำอยู่จุดนึง ไม่มีใครที่ดีเลิศเลอเพอร์เฟ็กต์เสมอไป
เริ่มเป็นสตรีมเมอร์ได้เพราะว่า มีเรื่อง-ด-ร-า-ม่-า คือช่วงนั้นเป็นช่วงที่กำลัง-เ-ค-รี-ย-ด-อยู่เพราะว่าเราเรียนเกินช่วงเวลาไปแล้ว ส่วนใหญ่สถาปัตย์เนี่ยเรียนจบ 5 ปี ก็ถือว่าน้อยแล้ว จบ-ย-า-ก-ด้วย บางครั้งอาจารย์ไม่ตามจิตตามใจ บางคนก็ไม่ได้-เ-ค-รี-ย-ด
แต่ผมเนี่ย-เ-ค-รี-ย-ด-แล้ว เรียนมา 6 ปี รู้สึกว่าไม่ตอบโจทย์ ค่าเทอมก็แพง ผมเองไม่อยากให้พ่อ-เ-ห-นื่-อ-ย-เลยพยายามหาอะไรทำ แต่ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน ตอนแรกก็จะ-ข-า-ย-ของ รับถ่ายนู่นถ่ายนี่ ถ่ายแบบ เขียนแบบ เป็นฟรีแลนซ์ ก็มั่วไปหมด
แล้วมีช่วงนึงที่ไปเป็นโฆษกให้มหา’ลัย เป็นพิธีกรให้ เลยรู้สึกว่า เออ เรามีความสามารถการพูดในระดับที่พอจะหากินได้ ประกอบกับช่วงนั้นคุณย่า-เ-สี-ย ท่านเป็นคนที่น่ารัก เป็นเสาหลักของครอบครัวเลยก็ว่าได้ ขาดท่านไปเสร็จปุ๊บคือบ้านแตก ทุกคนต่างทะเลาะ
มันเป็นช่วงที่ทำให้ผมคิดได้ว่า ถ้าสมมติไม่ทำอะไรตอนนี้มันก็จะสายเกินไปละ เป็น inspiration ทำให้เราเริ่มคุยกับเพื่อน ซึ่งเพื่อนผมคนนี้เป็นคนที่อยากทำอะไรอยู่แล้ว อยากทำนู่นทำนี่อยู่ตลอดเวลา เค้าก็เลยเสนอว่ามาทำสตีมด้วยกัน เป็นเพื่อนที่ตัดต่อด้วยกันมาจนถึงทุกวันนี้
มาเริ่มเล่าเรื่อง หรือเล่า ‘นิทานก่อนนอนกับลุงไนท์’ ในสตรีมได้ยังไง (หัวเราะ) …จริง ๆ เพื่อนทุกคนจะบอกว่า ไอ่ไนท์แม่งขี้โม้ ขี้โม้จริง ๆ ซึ่งผมก็ไม่ปฏิเสธนะ คือผมเป็นคนที่สติหลุดง่ายมากครับเวลาคนดูผมตรีมจะรู้เลยว่าบางทีผมนิ่งไปเลย ที่นิ่งไปคือเหม่อครับ
ความสามารถตรงการเหม่อนี่แหละเลยทำให้เกิดเรื่องนี้ขึ้น ถ้าเวลาเพื่อนเล่าอะไรสักอย่าง หรือเรากำลังประสบ-เ-ห-ตุ-การณ์อยู่-เ-ห-ตุ-การณ์นึง อย่างเช่นว่า มีเพื่อนโดนรถชนต่อหน้า ผมเหม่อในสถานการณ์นั้น แล้วผมก็จำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ซึ่งผมเอาความทรงจำนั้นมาปะติดปะต่อเรื่อง แล้วพอปะติดปะต่อเสร็จปุ๊บมันขยายความขึ้นมา จากเรื่องที่เกิดขึ้น 100% พอออกจากปากผมจะกลายเป็น 200% แทน ถ้ารถชนต่อหน้าผมมันจะไม่ใช่แค่รถชนแน่นอน มันจะต้องมีเคอานู รีฟ กระโดดตีลังกาลงมาแล้วยิงปืนเพื่อช่วยหมาของเขา
กลัวว่าจะหมดเรื่องเล่ามั้ย กลัวครับ เพราะว่าคนเราถึงจะโตมาแล้ว 24 ปี แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเจอเรื่องทุก ๆ ชั่วโมง เราก็เจอเรื่องบ้าง บางเรื่องจำได้บ้างไม่ได้บ้าง ทุกวันนี้ก็มีคนมาถามว่า “พี่ เมื่อไหร่จะมีนิทานฯ” ถามว่า-เ-ค-รี-ย-ด-มั้ย ไม่-เ-ค-รี-ย-ด-นะ
พอมีคนพูดมาเราก็อยากเล่าให้ฟัง แต่ว่าเรื่องมันไม่มี ถ้าอยากจะมีเรื่องก็ได้นะครับ ติดต่อผมมาเลยแล้วเดี๋ยวเรามีเรื่องกัน ผมจะได้มีเรื่องมาเล่าให้ฟังทุกวันเลย ถึงแม้หน้าจะบวมขึ้นทุกวัน แต่ถ้าทุกคนชอบผมก็โอเคนะ (หัวเราะ)
ถ้าให้เปรียบเทียบ วันแรกเหมือนนั่งคุยกับตัวเองอยู่ที่มุมห้อง แต่วันนี้มายืนอยู่ตรงหน้าเวที ผมก็ยังพูดแบบเดิม ผมมั่นใจว่าผมยังเป็นคนเดิมอยู่ แต่เวลาย้อนกลับไปดูสตรีมตัวเอง รู้สึกไม่เหมือนเดิมนะ ตอนแรก ๆ ผมคุยกับตัวเอง-ห-นั-ก-มากนะ
ผมว่าตอนผมอยู่คนเดียวผมพูดเก่งกว่าคนผมอยู่กับคนอื่น ผมเป็นคนที่ชอบคุยกับตัวเองมาก แต่พอมาตอนนี้มีคนโต้ตอบกับเรา บางทีเราหยุดการ-ก-ร-ะ-ทำ-ของเราเพื่อมาดูคน มันก็จะมีขาดตอนบ้าง อันนี้คือความต่าง
พอเป็นสตรีมเมอร์แล้วต้องมาเอนเตอร์เทนคนดู แล้วความสนุกของตัวเองล่ะ เราต้องบิลต์ตัวเองมาก่อนครับ ส่วนตัวเราเป็นคนที่มองเรื่องทุกอย่างเป็นเรื่องสนุกอยู่แล้ว เช่น พอเห็นปลั๊กพ่วงอันนี้แล้ว แม่งเฟี้ยวว่ะ คิดไปเรื่อยอะ คิดว่าปลั๊กพ่วงจะเอาไปทำอะไรได้
เราสามารจะหยิบสายไฟขึ้นมาเหวี่ยงเป็นคาวบอย คิดแค่นี้เราก็มีความสุขละ เราจินตนาการนู่นนี่นั่นไปเรื่อย แล้วเราก็เอนเตอร์เทนตัวเองก่อนที่จะมาเอนเตอร์เทนคนดู ผมว่าหลักสำคัญเลย คือถ้าเราไม่สนุกก่อน แล้วเราไปทำให้คนอื่นสนุกมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ก่อนสตรีมก็คือ คุยกับตัวเอง คุยกับแมว เปิดเพลงเกาหลีขึ้นมาเต้นๆๆ ถึงค่อยไปส่งต่อ
ที่มา : thematter ,thaismescenter