แบรนด์หรูชื่อดัง Balenciaga ออกคอลเล็กชั่น กระเป๋าถุงขยะ ราคาครึ่งแสน
ใครกันแน่ที่เป็นสุดยอดนักออกแบบกูตูร์ระหว่างดิออร์กับบาเลนเซียก้า นี่คือคำถามสำคัญที่มักได้ยินเสมอเมื่อพูดถึงโอตกูตูร์ หรือเรื่องของโลกแฟชั่นชั้นสูง แต่การจับเอาบาเลนเซียก้ากับดิออร์มาเปรียบเทียบกันก็คงไม่ถูกต้องเสียทีเดียว
เพราะทั้งสองนักออกแบบต่างก็มีภาพลักษณ์และแรงบันดาลใจในการออกแบบที่แตกต่างกัน คริสติยอง ดิออร์ (Christian Dior) คือนักออกแบบที่โหยหาความโรแมนติกอย่างสูงสุด
งานออกแบบของเขาจึงเป็นการค้นหาทุกวิถีทางที่จะเปลี่ยนผู้หญิงให้กลับมาสวยหวานเหมือนดอกไม้แรกแย้มหลังจากช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 จบลง
คริสโตบัล บาเลนเซียก้า (Cristóbal Balenciaga) คือนักออกแบบชาวบาสก์ (Basque) จากประเทศสเปน บาเลนเซียก้าก้าวเข้าสู่วงการแฟชั่นด้วยการเริ่มงานเป็นผู้ช่วยฝึกหัดของร้านตัดเสื้อในย่านซาน เซบาสเตียน (San Sebastián)
โดยย่านดังกล่าวถือเป็นย่านที่พักตากอากาศอันมีชื่อเสียงและคราคร่ำไปด้วยร้านรวงเสื้อผ้าเก๋ๆ ที่ชนชั้นสูงของประเทศสเปนมาท่องเที่ยว บูติกแห่งแรกที่ชื่อ Balenciaga เริ่มเปิดทำการเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1919
ความน่าสนใจของบาเลนเซียก้าคือวิธีการออกแบบเสื้อผ้าที่หยิบยืมแรงบันดาลใจจากงานศิลปะและเรื่องราวการแต่งกายของผู้คนในประวัติศาสตร์ประเทศสเปน นอกจากนั้นเขายังเป็นชาวคาทอลิกที่เคร่งครัดศาสนา
จึงอาจเป็นสาเหตุที่เราได้เห็นงานออกแบบมากมายหลายชิ้นจากบาเลนเซียก้าที่รับอิทธิพลจากภาพวาดทวยเทพหรือเหล่าเซนต์และนักบุญของศาสนาคริสต์ตามสไตล์ภาพวาดจากศตวรรษที่ 17
“ขยะ” กับ “หรูหรา” ดูจะเป็นคำที่ขัดแย้งกันอย่างชัดเจน ในวงการแฟชั่นการพูดถึงขยะนั้นจะไม่ปรากฏขึ้นบนรันเวย์หรือการนำเสนอใดๆ เด็ดขาด ด้วยภาพลักษณ์ของแบรนด์ระดับลักชัวรีที่ต้องคงมาตรฐานความหรูหราในแบบฉบับเฉพาะตัว
แต่สำหรับ Balenciaga และ Demna Gvasalia ไม่ได้เป็นตามกฎเกณฑ์เช่นนั้นเสมอไป ความขบถในตัวตนของดีมน่าถ่ายทอดออกมาเป็นไอเท็มแฟชั่นสะดุดตาที่ใครก็ต้องให้ความสนใจ เพราะล่าสุดเขานำเสนอกระเป๋าบาเลนเซียกาที่มีลักษณะเหมือนถุงขยะ อีกทั้งยังมีราคาสูงลิ่วเทียบเท่ากระเป๋าใบอื่นๆ ของแบรนด์เลยทีเดียว
ถุงขยะใบนี้ดีมน่าสร้างสรรค์ให้เป็นส่วนหนึ่งของคอลเล็กชั่นฤดูใบไม้ร่วง/ฤดูหนาว 2022 โดยตั้งชื่อว่า “Trash Pouch” อันได้แรงบันดาลใจมาจากถุงขยะจริงๆ ถุงหูรูดมาพร้อมวัสดุ Calfskin เพิ่มดีเทลด้วยลายพิมพซ์คำว่า “BALENCIAGA PARIS MADE IN ITALY”
และมีมากถึง 4 สี ประกอบด้วย สีดำ สีขาว-แดง สีฟ้า-ดำ และ สีเหลือง-ดำ ตัวกระเป๋าถูกเคลือบอย่างดีเพื่อพื้นผิวเงามันสวยงาม ซึ่งกระเป๋าใบนี้สนนราคาอยู่ที่ 1,790 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 64,000 บาท เรียกว่าเป็นกระเป๋าดีไซน์แปลกจากบาเลนเซียกาอีกหนึ่งใบที่เป็นกระแสอย่างต่อเนื่องบนทุกแพลตฟอร์ม
ดีมน่ากล่าวว่า “ผมพลาดไม่ได้กับโอกาสทำถุงขยะที่แพงที่สุดในโลก เพราะใครกันจะไม่ชอบเรื่องอื้อฉาวในแวดวงแฟชั่น” แนวคิดนี้สะท้อนให้เห็นความขบถและวิธีการนำเสนอความน่าสนใจของแบรนด์บาเลนเซียกา
เพราะตลอดระยะเวลาที่เขากุมบังเหียนแบรนด์ดังจากปารีส เราเห็นไอเท็มหลายชิ้นที่ชวนฉงนสงสัยแต่ก็ดึงดูดความสนใจเหล่านักสะสมได้เสมอ การสร้างวัฒนธรรมความขบถของเขาคือจุดเด่นที่ทำให้บาเลนเซียกามีกระแสอยู่ตลอดเวลา
การทำแคมเปญต่างๆ ก็แสดงให้เห็นวิถีทางการพัฒนาวัฒนธรรมในรูปแบบที่แตกต่าง ด้วยเหตุผลเหล่านี้บาเลนเซียกาจึงเป็นแบรนด์ที่ไม่เคยหยุดนิ่งและสามารถกุมตลาดแฟชั่นปัจจุบันที่วิ่งเร็วดุจสายฟ้าได้อย่างมั่นคง
เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2565 เว็บไซต์นิวยอร์กโพสต์ รายงานว่า แบรนด์หรูชื่อดัง Balenciaga ได้สร้างความฮือฮาบนสื่อออนไลน์ เมื่อออกวางจำหน่ายสินค้ากระเป๋าใหม่
ภายหลังจากเปิดตัวคอลเล็กชั่น Fall 2022 ในงานปารีสแฟชั่น เมื่อเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา เป็นกระเป๋าที่ระบุว่า “ได้รับแรงบันดาลใจมาจากถุงขยะ” แต่ราคาไม่ธรรมดา มากกว่าครึ่งแสน
โดยกระเป๋าถุงขยะ (Trash Pouch) มาในรูปทรงถุงดำบรรจุขยะที่คุ้นหน้าคุ้นตา เป็นแบบหูรูด ทำจากหนังลูกวัว ดีไซน์ให้ดูเงาวาว มีโลโก้ประดับ โดยไม่ได้มีเพียงแค่สีดำ แต่ยังมีสีขาว สีฟ้า และสีเหลือง ราคาจัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการอยู่ที่ 1,790 ดอลลาร์ หรือประมาณ 64,000 บาท (ตามอัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบัน)
“เราไม่พลาดโอกาสที่จะทำถุงขยะที่แพงที่สุดในโลก เพราะใครบ้างจะไม่ชอบเรื่องฉาวในวงการแฟชั่น” เดมนา กวาซาเลีย ผู้อำนวยการสร้างสรรค์ของทางแบรนด์ Balenciaga เผยกับรายงานของ Women’s Wear Daily
และก็เป็นไปตามคาด ภายหลังจาก กระเป๋าถุงขยะ Balenciaga ถูกวางจำหน่าย ก็กลายเป็นไวรัล มีการโพสต์ภาพแชร์ในโซเชียลมีเดีย พร้อมเป็นกระแสที่พูดถึงและวิพากษ์วิจารณ์ ผู้คนมีหลากหลายความรู้สึก ทั้งประหลาดใจ งงงวย ขำขัน และไม่พอใจเกี่ยวกับการออกแบบเพื่อให้เป็นกระแส
ผู้ใช้โซเชียลรายหนึ่ง กล่าวติดตลกว่า “ฉันสามารถหาสิ่งนี้ได้จากใต้อ่างล้างจาน” ในขณะที่อีกส่วน ตั้งคำถามว่า “นี่เป็นการทดลองทางสังคมหรือเปล่า พวกเขาพยายามจะสร้างมุกตลกให้ผู้บริโภค อย่าปล่อยให้แบรนด์หรูมาเล่นตลกกับพวกคุณ”
ที่มา : kapook ,gqthailand ,vogue