X

เด็กฝึกงานที่ถูกปฏิเสธ สู่ ผู้กำกับหญิงคนแรกของ Pixar

Domee Shi จากอดีตเด็กฝึกงานที่ถูกปฏิเสธ สู่ ผู้กำกับหญิงเดี่ยวคนแรก ของ Pixar

Domee Shi จากอดีตเด็กฝึกงานที่ถูกปฏิเสธ สู่ ผู้กำกับหญิงเดี่ยวคนแรก ของ Pixarช่วงนี้หากใครมีโอกาสเข้าสตรีมมิง Disney+ Hotstar น่าจะได้เห็น Turning Red แอนิเมชันเรื่องใหม่จาก Pixar แน่นอน เพราะกำลังได้รับความนิยมมาก ๆ จนน้อง

Abby หนึ่งในตัวละครได้กลายเป็นรูปมีม ที่แพร่หลายอยู่บนโซเชียลมีเดียเป็นที่เรียบร้อยที่น่าสนใจก็คือคนที่อยู่เบื้องหลังแอนิเมชันเรื่องนี้ มีดีกรีเป็นถึงเจ้าของรางวัลออสการ์ รวมถึงยังเปิดหน้าประวัติศาสตร์ผู้กำกับหญิงเดี่ยวคนแรกของ Pixar อีกด้วย

เจ้าของผลงานชิ้นนี้คือใคร ? คำเตือน บทความนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาบางส่วนในภาพยนตร์ หากใครยังไม่ได้รับชม ก็สามารถกดเซฟบทความไว้ก่อน แล้วค่อยมาอ่านหลังชมภาพยนตร์นะคะTurning Red คือเรื่องราวของ “เหมยลี่ ลี” หรือ “เหมย”

เด็กสาวชาวจีน-แคนาดา ที่เติบโตละแวกไชนาทาวน์ ในเมืองโทรอนโต ท่ามกลางความกดดัน และความคาดหวังของครอบครัวซึ่งตัวเหมยลี่เอง ก็อยากสมบูรณ์แบบในสายตาของพ่อแม่ ตามแบบฉบับเด็กเอเชีย ที่ต้องเรียบร้อย เรียนดี และยังไม่ถึงวัย
ที่ยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายแต่แล้ววันหนึ่ง.. ความรู้สึกกดดัน ก็ก่อตัวทำให้เธอกลายร่างเป็นแพนด้ายักษ์..อย่างไรก็ตาม ความน่าสนใจของภาพยนตร์เรื่องนี้ ก็ไม่ได้มีแค่ความแปลกใหม่ของพล็อตเรื่องแต่ยังมีผู้กำกับที่อยู่เบื้องหลัง ซึ่งก็คือ คุณ Domee Shi

ไดเรกเตอร์ชาวจีน-แคนาดา ที่ปัจจุบันนั่งแท่นเป็นผู้กำกับหญิงเดี่ยวคนแรก ในรอบ 36 ปีของสตูดิโอ Pixarซึ่งกว่าที่จะมีโอกาสสร้างภาพยนตร์แอนิเมชันเดี่ยว เธอก็ต้องใช้เวลากว่า 11 ปีในสตูดิโอแห่งนี้และที่น่าตกใจกว่านั้นก็คือ เราเกือบจะไม่ได้

เห็นผลงานของคุณ Shi แล้ว เพราะในอดีตเธอเกือบไม่ได้ร่วมงานกับสตูดิโอ Pixarอย่างที่รู้กันดีว่า การเข้ามาเป็นหนึ่งในทีมงานดิสนีย์ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย และมีการแข่งขันที่สูงมาก ๆ เพราะใคร ๆ ก็อยากเป็นส่วนหนึ่งในบริษัทแอนิเมชันระดับโลก

ซึ่งคุณ Shi ก็เป็นหนึ่งในท่ามกลางเหล่านักล่าฝันและฝันของเธอต้องมาสะดุด เพราะว่าถูกปฏิเสธการสมัครฝึกงาน..แต่ต้องขอบคุณกำลังใจดี ๆ จากครอบครัวและครูที่ปรึกษา ที่ผลักดันให้เธอยื่นใบสมัครอีกครั้ง จนได้กลายมาเป็นหนึ่งในทีมงานสตูดิโอ
Pixar ฐานะ “เด็กฝึกงาน” ในปี 2011ช่วงที่ฝึกงาน เธอก็รับหน้าที่อยู่ในฝ่ายสตอรีบอร์ด และมีส่วนร่วมกับภาพยนตร์แอนิเมชันดัง ๆ มากมาย เช่น Inside Out, The Good Dinosaur, Toy Story 4 และ Incredibles 2

และในขณะเดียวกัน เธอก็มีโอกาสส่งผลงานแอนิเมชันเข้าแข่งขันกับ Pixar เรื่อยมาหลายต่อหลายครั้ง จนกระทั่งในปี 2018 ผลงานของเธอก็ได้ออกสู่สายตาของผู้ชม และกลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกแอนิเมชันสั้นเรื่องนั้นคือ “Bao” ที่ฉายเปิดให้กับเรื่อง

Incredibles 2 โดยถ่ายทอดเรื่องราวของเจ้าซาลาเปาน้อย ๆ ที่มีชีวิตขึ้นมา และถูกเลี้ยงดูด้วยความรักและเอาใจใส่ความโดดเด่นของเรื่องนี้ก็คือ “จุดหักมุม” ที่สามารถเรียกน้ำตาและกุมหัวใจครอบครัวชาวเอเชียได้ ในความยาวเพียง 8 นาทีซึ่งเรื่อง

นี้เอง ที่ทำให้เธอได้รับรางวัลออสการ์ สาขาภาพยนตร์แอนิเมชันสั้นยอดเยี่ยมในปี 2019 และกลายเป็นที่รู้จักในวงการภาพยนตร์อ่านมาถึงตรงนี้ก็คงไม่แปลกใจว่าทำไมคุณ Shi สามารถถ่ายทอดเรื่องราวความรัก และขนบธรรมเนียมของครอบครัวชาวเอเชีย
ในเรื่อง Turning Red ได้ดีขนาดนี้ซึ่งความโดดเด่นของแอนิเมชันเรื่องนี้ก็คือ ไม่ใช่ภาพยนตร์สเตอริโอไทป์คนเอเชีย หรือเหมารวมเรื่องราวของชาวเอเชียว่าจะต้องเป็นแบบไหนเพราะนอกเหนือจากประเด็นเรื่องขนบธรรมเนียมของครอบครัวชาวเอเชียแล้ว

ประเด็นสังคมอื่น ๆ คุณ Shi ก็สามารถถ่ายทอดได้อย่างลงตัวเช่น ความสัมพันธ์ของเพื่อนสาวพลังหญิง รวมถึงวัฒนธรรมการชื่นชอบบอยแบนด์ของเด็กรุ่นใหม่โดยเนื้อเรื่องไม่ได้เน้นไปที่ความรักโรแมนติก ระหว่างเด็กสาวและชายหนุ่ม แต่กลับเป็นความ
รักและมิตรภาพของเหมยลี่ ที่รายล้อมไปด้วยเพื่อนหลาย ๆ เชื้อชาติรวมถึงเรื่องของเด็กที่กำลังจะก้าวข้ามผ่านไปสู่การเป็นวัยรุ่น ดิ้นรนกับการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย แตกเนื้อสาว และอารมณ์แปรปรวน ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นเพียงแค่กับชาวเอเชียเท่านั้น

แต่เด็กวัยรุ่นทุกคนต้องเจอนอกจากนั้นยังมีการซ่อนแรงขับเคลื่อนเรื่อง “สิทธิและความเท่าเทียมในการทำงานของผู้หญิง” อยู่ด้วย เนื่องจากทีมงานทั้งหมด คือ “ผู้หญิง”เช่น คุณ Lindsey Collins ในตำแหน่งรองประธานและโปรดิวเซอร์,
คุณ Rona Liu โปรดักชันส์ดีไซเนอร์ และคุณ Danielle Feinberg หัวหน้าผู้ดูแลเอฟเฟกต์ซึ่งในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ การที่มีผู้หญิงเป็นแกนนำในการสร้างสรรค์ผลงาน เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ค่อยมีให้เห็นบ่อยนักโดยจากผลการวิจัย

Center for the Study of Women พบว่า คนเบื้องหลังในอุตสาหกรรมบันเทิงของสหรัฐฯ ทั้งหมด มีผู้หญิงเพียงแค่ 27% เท่านั้นหากเรามองดี ๆ Turning Red คงไม่ใช่แอนิเมชันก้าวข้ามผ่านช่วงวัยรุ่นธรรมดา ๆ แต่เป็นหนึ่งใน

ผลงานที่แสดงถึงแรงขับเคลื่อน เกี่ยวกับความสามารถของผู้หญิงในอุตสาหกรรมบันเทิงซึ่งก็น่าเสียดายที่ผลกระทบจากโรคระบาด ทำให้ Turning Red ไม่ได้ฉายในโรงภาพยนตร์ และถูกฉายลงในแพลตฟอร์มสตรีมมิง Disney+ Hotstar

แทน ทำให้เราอดเห็นความสำเร็จของยอดขายตั๋วจากภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างไรก็ตาม จากเสียงตอบรับบนโลกโซเชียลมีเดีย ก็คงสามารถการันตีความเป็นเลิศของผลงานชิ้นนี้ได้ไม่แพ้กันปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจรู้หรือไม่ ?ผู้ที่ให้เสียงพากย์ภาษาไทยของ เหมยลี่ นางเอกของเรื่อง ก็คือ อ๊ะอาย-กรณิศ เล้าสุบินประเสริฐ หรือศิลปินไอดอลจากวง 4EVE นั่นเอง