เพราะเรื่องกินไม่ใช่เรื่องเล่นๆ “เชฟอาร์ม วทัญญู” จากเด็กติดยายสู่พ่อครัวสุดหล่อ ล้านวิว
เพราะเรื่องกินไม่ใช่เรื่องเล่นๆ วิธีทำอาหารจึงกลายเป็นคำค้นหายอดนิยมในกูเกิลอย่างไม่ต้องสงสัย หลายเมนูมียอดวิวถล่มทลายอย่างคลิป “วิธีทำหมูกรอบสูตรอยากบอกว่ากรอบยันข้างบ้าน!!” ที่ถูกส่งต่อกว่า 7 แสนแชร์ ยอดวิวมากกว่า 41 ล้านครั้ง คลิปดัง
กล่าวเป็นฝีมือของ เชฟอาร์ม – วทัญญู ดอนปานไพร หนุ่มราชบุรีที่หลงใหลการทำอาหารตั้งแต่เด็ก เป็น พ่อครัว หัวป่าของครอบครัวและกลุ่มเพื่อนยามสังสรรค์ จนใคร ๆ เรียกติดปากว่า เชฟอาร์ม“ผมเป็นเด็กติดยาย
สมัยเด็ก ๆ ยายชอบพาไปจับปลาแล้วมาทำกับข้าว ผมก็สนุก และชอบทำอาหารมาตลอด แต่ผมไม่ได้เรียนสายอาหารจริงจัง เพราะผมมีความสุขที่ได้เรียนรู้จากยายมากกว่า ท่านเสียไปนานแล้ว แต่ผมก็ยังสานต่อสิ่งที่
ท่านรัก และผมก็รักสิ่งนี้”แม้สูญเสียผู้ที่เป็นแรงบันดาลใจ แต่อาร์มยังคงทำอาหารเองเป็นประจำ เรียนรู้สูตรและเทคนิคเพิ่มเติมจากหนังสือ คุณแม่ และพี่สาว หมั่นหาเมนูใหม่ ๆ มาทดลองทำกินเองที่บ้านและแบ่งให้เพื่อ
นบ้านอย่างสม่ำเสมอกระทั่งสามปีก่อนเขาลองอัดคลิปทำอาหารลงเฟซบุ๊กส่วนตัว ผลปรากฏว่ามียอดวิวและแชร์ดีเกินคาด“ครั้งแรกผมอัดเป็นคลิปสั้น ๆ จากมือถือ ทำเกี๊ยวผูกโบแล้วชิม ก็มีคนแชร์เยอะมาก คนดูเป็นแสน
จนเพิ่มยอดวิวเป็นล้าน มีคนติดตามเฟซบุ๊กส่วนตัวเพิ่มขึ้น ผมจึงพยายามพัฒนาคลิปให้ดีขึ้นทุกวัน”เมื่ออยากทำให้ออกมาดี ต้นปี 2559 อาร์มจึงใช้เวลาว่างจากงานหลักคือผู้ช่วยโปรดิวเซอร์ห้องอัด (มูนเวฟ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์)
ธุรกิจของครอบครัว มาร่วมกับพี่ชายพัฒนาเพจทำอาหารให้มีคุณภาพ และใช้ชื่อเพจว่า “Tagple” ซึ่งแผลงมาจากคำว่า แท็กเพื่อน“พอเริ่มทำเพจมีคนติดตาม 2 – 3 หมื่นคนก็มีงานเข้ามาเลย อาจเป็นเพราะผมเป็นเพจ
ทำอาหารเพจแรก ๆ ที่พาไปงมหอยขึ้นมาทำเป็นเมนูเหมือนตอนเด็ก ๆ ที่ผมออกไปกับคุณยาย เมื่อก่อนทำคลิปง่าย ๆ ตั้งกล้องถ่ายเองจากมือถือตัวเดียว ต่อมาก็พัฒนามาทำในห้องครัวที่ดูดีมากขึ้น บางเมนูผมก็เป็นคนคิดเอง
บางเมนูก็ดัดแปลงเป็นเมนูฟิวชั่น แต่เน้นสื่อให้เห็นว่าการทำอาหารเป็นเรื่องง่าย”ภายในระยะเวลาหนึ่งปีครึ่ง เฟซบุ๊กส่วนตัวชื่อเดียวกับเขามีผู้ติดตามเกือบ 4 แสนคน ขณะที่เพจ Tagple มีคนติดตามกว่า 1.4 ล้านคน
มีเมนูฮิตยอดวิวสูงสุดถึง 41 ล้านครั้งอาร์มมองว่าเคล็ดลับที่คนติดตามเพจจำนวนมากเพราะมีเมนูทำง่ายแต่ยั่วน้ำลายใหม่ ๆ เสมอ ทั้งพยายามตอบคอมเมนต์จำนวนหลายร้อยให้มากที่สุด ที่สำคัญคือการทำต่อเนื่องที่ต้อง
ใช้ใจเป็นตัวนำ“ผมทำเพจอาหารเพราะใจรัก ไม่ได้เริ่มต้นจากธุรกิจ ถ้าเราเริ่มต้นทำเพจจากธุรกิจ เราจะมองหาแต่กำไร ไม่โฟกัสว่าอาหารของเราต้องอร่อย คนลองทำตามได้ ผมอยากให้คนเห็นว่าการทำอาหารนั้นง่าย
ทำกินเองที่บ้านได้“ส่วนรายได้ที่เข้ามาเป็นผลพลอยได้ที่ทำให้เพจเรามีพลังพัฒนาต่อไป แต่ถ้าเราคิดแต่เรื่องผลประโยชน์อย่างเดียว เราจะมีความกดดัน ความเครียด สมมติว่าทำแล้วไม่มีงาน ก็อยากหาทางไปทำอย่างอื่น
หลายคนอยากเปิดเพจทำอาหาร ผมก็บอกให้ลองทำเลย แต่ถ้าไม่ชอบจริงก็ทำได้ไม่นาน พอคนดูน้อยก็เลิกทำ แต่ผมตั้งใจทำทุกเมนูตั้งแต่ยังไม่มีโฆษณา จะมีคนดูหรือไม่มีคนดูผมก็ทำ แล้วกลับมาประเมินตัวเองทุกครั้งว่า
ทำได้ดีกว่าคลิปที่แล้วหรือเปล่า ถ้าทำอะไรที่เราชอบ จะทำได้ดีและทำได้นาน”แม้จะมีคอมเมนต์ด้านลบ แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรค“เคยมีคนมองว่าผมทำอาหารเพราะอยากโชว์ตัวเอง เพราะทำเสร็จผมก็จะชิม แต่ผมทำเพราะ
อยากให้เห็นว่าอาหารที่ทำกินได้จริง ๆ ผมกินโชว์ตั้งแต่เพจส่วนตัวแล้ว ซึ่งกลายเป็นซิกเนเจอร์ของผม บางคนบอกทำแล้วกินไม่ได้ไม่อร่อย ใครต่อว่าผมไม่เคยตอบโต้ เพราะเรื่องทำอาหารไม่มีถูกผิด คนเราชอบรสชาติ
ไม่เหมือนกัน”การส่งต่อสิ่งที่เขารักไปยังกลุ่มคนจำนวนมากทำให้อาร์มรู้สึกภูมิใจในฐานะ Influencer เช่นกัน“ผมมีความสุขที่ได้ตอบคอมเมนต์แลกเปลี่ยนกับเพื่อน ๆ มีความสุขที่ได้ส่งต่อความรู้ทางด้านอาหารที่ผมได้
เรียนรู้มา ใครที่ชอบเหมือนผมแล้วนำไปทำจริง ได้ประโยชน์ได้จริง หรือมาขอสูตรไปทำขาย ผมยินดีเลย อย่างล่าสุดผมทำคลิปถ้วยเกี๊ยวที่เคี้ยวได้ยันชาม ผมใส่ไอเดียทอดแผ่นเกี๊ยวเป็นถ้วยก๋วยเตี๋ยวแห้ง มีคนขอไปทำ
ขายจริงที่นครปฐม เขาก็มาขอบคุณ ผมดีใจที่เขาไปทำขายเป็นอาชีพ ดีใจที่เพจเรามีประโยชน์กับคนดู”เมื่อถามว่าถ้าโลกนี้ไม่มีโซเชียล คิดว่าตัวเองจะเป็นอย่างไร เขาตอบทันที“ผมเป็นพ่อครัวหัวป่าอยู่ตามบ้านเพื่อน
อยู่หลังครัวเหมือนเดิม” (ยิ้ม)