ลุยไฟ ร้านเนื้อย่าง ลุยตลาดดิลิเวอรี สู่ยอดข า ย เดือนละ 4 ล้านบ า ท
“ลุยไฟ” ร้านเนื้อย่างขวัญใจคนรักเนื้อ ที่เปิดมาได้เพียงแค่ 1 ปีเท่านั้น แถมยังเปิดร้านมาได้พอดิบพอดีกับในช่วง วิ ก ฤ ติ โ ร ค ร ะ บ า ด แต่ป ร ะ เ ด็ น ที่น่าสนใจนั้นอยู่ที่ ร้านลุยไฟ ปัจจุบันสามารถสร้างย อ ดข า ย ได้เกือบ 4 ล้าน บ า ท ต่อเดือน แล้วร้านลุยไฟมีเ ค ล็ ด ลั บ ในการบริ ห า ร ธุ ร กิ จ อย่างไร ?
หากใครเป็นคนชอบทานเนื้ออาจจะเคยคุ้นหู หรือเห็นร้านลุยไฟ ผ่านบนโซเชียลมีเดียกันมาบ้าง เพราะเป็นร้านเนื้อย่างดิลิเวอรีที่ครบเครื่อง และมีการตลาดบนโลกออนไลน์ที่แ ข็ ง แ ก ร่ ง โดยผู้ที่อยู่เบื้องหลังร้านลุยไ ฟแห่งนี้ ก็คือคุณจักรพันธ์ ตั้งกุญแจทอ ง หรือ คุณบอส อดีตเจ้าของบริษัทโฆษณา ที่ผันตัวมาจับธุ ร กิ จ ร้านอาหาร เพราะเ ล็ ง เห็นโอกาสในการเติบโต
ดังนั้นจึงไม่น่าแ ป ล ก ใจเลยว่า ทำไมการตลาดออนไลน์ของลุยไฟถึงดีไม่แ พ้ คุณ ภ า พ ของอาหารเลย ในช่วงปลายปี 2019 ก่อนหน้าที่คุณบอสจะมาเปิดร้านลุยไฟ เขาเคยทำธุร กิ จ ร้านอาหารไทยที่ชื่อว่า “ทศกัณฐ์” ซึ่งเป็นร้านข้าวแกงไทย สไตล์โมเดิร์น ที่มีพระเอกของจานเป็นเนื้อเต็ม ๆ คำ และตั้งอยู่แถวถนนข้ า ว ส าร เพื่อจับกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติ โดยเ ห ตุผ ล ที่ทำให้คุณบอสเลือกที่จะมาทำธุ ร กิ จ ร้านอาหารไทย ก็เพราะคุณบอสมองว่า อาหารไทยมีโปรไฟล์ที่ชัดเจนมากบนตลาดโลก และนี่ก็คือ “แพสชัน” ของคุณบอสที่ต้องการผลักดันอาหารไทยสู่ตลาดโลก
ซึ่งร้านทศกัณฐ์ก็ถือว่ามาได้ถูกทาง เพราะทั้งโลเคชันที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว และสไตล์อาหารที่ถูกปากชาวต่างชาติ ทำให้หลังจากเปิดร้านได้เพียงแค่ 3 เดือนแรกก็มีร า ย ได้ที่เติบโต แต่การเดินทางร้านทศกัณฐ์ก็ต้อง ส ะดุ ด ลง เมื่อเกิดวิ ก ฤ ติ โ ร ค ร ะ บ า ด ทำให้ชาวต่างชาติห า ย ไ ป ในพริบตา
ส่วนโลเคชันที่เคยได้เปรียบอย่าง บริเวณถนนข้าวส า ร ก็ไม่ใช่จุดยุทธศาสตร์ชั้นเลิศสำหรับการมองหาลูกค้าชาวไทย พอร้านทศกัณฐ์ได้รับผลก ร ะ ท บ จากเหตุการณ์นี้เต็ม ๆ ทำให้คุณบอสจึงต้องรีบปรับตัว และหันมาลุยตลาดดิลิเวอรีเป็นหลักแทน แต่ ปั ญ ห า ก็ยังไม่ได้จบเท่านั้น เพราะ ร า ค า และรสชาติอาหาร ก็ยังไม่ตอบโจทย์ลูกค้าชาวไทย เนื่องจากเมนูส่วนใหญ่ถูกดีไซน์มาสำหรับลูกค้าชาวต่างชาติมากกว่า
ดังนั้นเมื่อรู้ว่า ปั ญ ห า อยู่ที่จุดไหน คุณบอสจึงต้องปรับ ก ล ยุ ท ธ์ ใหม่อีกครั้ง เพื่อให้ตรงใจลูกค้าชาวไทยมากขึ้น และนี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นของร้าน “ลุยไฟ” ที่ยังคงมี “เนื้อ” เป็นพระเอกของร้านเช่นเดียวกับร้านทศกัณฐ์ แต่จุดที่แต ก ต่ าง ก็คือ การพัฒนาเมนูให้กลายเป็น “เซตเนื้อย่าง พร้อมทาน” แบบดิลิเวอรีใน ร า ค า หลักร้อย ที่มีระดับความสุกให้ลูกค้าเลือกได้ตามต้องการ และยังได้เพิ่มเทคนิค “ทอร์ชเบิร์น” หรือ การพ่ น ไ ฟ เข้าไปเพื่อให้เนื้อหอมกลิ่นควั น เป็นเอกลักษณ์ของร้าน
ซึ่งปัจจุบันร้านลุยไฟที่เปิดมาได้ประมาณเพียง 1 ปี แต่กลับสามารถขยายจุดส่งสินค้ามากถึง 7 จุดทั่วกรุงเทพฯ พร้อมทั้งส่งสินค้าไม่ต่ำกว่า 12,000-15,000 กล่อง และทำรายได้เดือนละประมาณ 3.5-4 ล้านบ า ท เลยทีเดียว เราลองมาดูกันว่า อะไรคือเคล็ดลับที่ทำให้ลุยไฟเดินทางมาสู่ความสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว
อันดับแรก ความหลากหลาย ร้านลุยไฟตั้งกลุ่มลูกค้าไว้ค่อนข้างกว้าง ไม่ว่าจะเป็น ครอบครัว, พนักงานออฟฟิศ หรือกลุ่มเพื่อน ดังนั้นการสร้างความ “หลากหลาย” จึงเป็นสิ่งสำคัญในการบริการลูกค้า ทางร้านจึงมีเมนูเนื้อให้เลือกหลากหลาย เช่น ท็อปราวน์ ดรายเอจ, เนื้อวากิว, สันคอหมู และไก่ รวมทั้งเมนูเสริมอย่างส้มตำ และชุดน้ำพริก และยังได้เพิ่มไลน์สินค้าสำหรับคนรักสุขภาพ ในชื่อเมนู “ลีนไฟ” และ “คีโต” โดยจะคำนวณปริมาณเนื้อให้เพียงพอสำหรับคนที่ต้องการโปรตีนสูง และไม่ทานคาร์โบไฮเดรตเยอะ
นอกจากตัวเนื้อที่เป็นพระเอกของร้านแล้ว ร้านลุยไฟยังพัฒนา “ดริป” เข้ามาเสริมมิติของรสชาติเนื้อ ซึ่งมีประมาณ 19 รสชาติ เช่น น้ำจิ้มแจ่ว, แจ่วบอง, วาซาบิดอง, ซอสยากินิกุ, เกลือทรัฟเฟิล, เกลือหมาล่า และเกลือใบกะเพรา ที่ทานคู่กับเนื้อได้อย่างลงตัว ต่อมา ปัจจัยที่มาควบคู่กัน ก็คือ การตั้งร า ค า ที่เหมาะสม
หากเรามองเผิน ๆ ทั้งหน้าตาของอาหาร, แพ็กเกจ และรสชาติ ก็อาจจะคิดว่าอาหารจานนี้ราคาสูง แต่จริง ๆ แล้วกลับถูกเสิร์ฟใน ร า ค า หลักร้อยเท่านั้น เนื่องจากทางร้านต้องการคำนึงถึง “ความ คุ้ ม ค่ า” ของลูกค้าเป็นหลัก จึงเลือกคัดสรรเนื้อคุณภาพดี แต่ก็ยังต้องเป็นร า ค า ที่จั บ ต้องได้ เพื่อให้ลูกค้าสามารถสั่งทานได้บ่อย ๆ เมื่อสินค้าและร าค า ลงตัวแล้ว อีกหนึ่งจุ ดเ ด่ น ของร้านลุยไฟ ก็คือ การตลาดบนโลกออนไลน์ที่แข็งแกร่ง ซึ่งอาศัยประสบการณ์มาจากการทำบริษัทโฆษณานานกว่า 5 ปี
ทำให้คุณบอสเลือกที่จะเน้นการโปรโมตไปที่ “การผลิตคอนเทนต์บนโลกโซเชียลมีเดีย” เป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นการยิ ง โฆษณาในแพลตฟอร์มต่าง ๆ ไปจนถึงการร่วมงานกับอินฟลูเอนเซอร์หลายท่าน จนทำให้หลาย ๆ คน น่าจะเคยได้เห็นโฆษณาของลุยไฟผ่าน ๆ ตากันมาบ้าง
ในขณะเดียวกัน คุณบอสยังมองว่า การขายอาหารบนโลกออนไลน์ สิ่งที่จะสื่อสารกับลูกค้าได้ดีที่สุดก็คือ “คอนเทนต์” ไม่ว่าจะเป็นแคปชันหรือรูปภาพ ก็สามารถดึง ดู ด ลูกค้าและปิดการ ข า ย ได้ ซึ่งเทคนิคที่ร้านลุยไฟเลือกใช้ก็คือ การถ่ายภาพแบบ “บ้าน ๆ และเป็นกันเอง” แม้การถ่ายรูปภาพแบบโปรดักชันส์จัดเต็มจะทำให้อาหารดูสวย ไ ร้ ที่ติ จนสร้างความ ดึ ง ดู ด ให้กับลูกค้า
แต่รู้หรือไม่ว่าจริง ๆ แล้ว การถ่ายภาพอาหารแบบบ้าน ๆ กลับสร้างย อ ด ข า ย ได้มากกว่า นอกจากจะเน้นถ่ายเนื้อให้ดูเห็นเนื้อสัมผัสชัด ๆ แล้ว เราก็ควรถ่ายรูปให้เป็นกันเอง ราวกับการมากินข้าวที่บ้านเพื่อน เพราะลูกค้าจะรู้สึกว่ากล่องเนื้อนั้นดูสมจริง และดูเข้าถึงง่ายมากกว่า แต่รูปภาพที่ดี ก็ต้องมาคู่กับการสร้างคอนเทนต์ที่เข้าถึงง่ายด้วยเช่นกัน
ดังนั้นคอนเทนต์ของที่ร้านจึงเน้นไปที่การใช้ภาษาเข้าใจง่าย ขี้เล่น เป็นกันเอง แต่ก็ยังคงอธิบายอาหารอย่างละเอียดให้ลูกค้านึกภาพตามได้ ทั้งหมดนี้ ก็คือ เรื่องราวของลุยไฟ ร้านเนื้อน้องใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวได้ไม่นานแต่ก็สามารถยืนอยู่บนตลาดดิลิเวอรีได้อย่าง โ ด ด เ ด่ น และเราก็หวังว่า กลยุทธ์จากร้านลุยไฟที่เราได้นำมาแบ่งปันในวันนี้ จะเป็นอีกหนึ่งไอเดียในการนำไปต่อยอดและพัฒนา ธุ รกิ จ กันนะคะ