Daniel Wellington อดีตนาฬิกายอดขาย 8,000 ล้าน ทำไมไม่ฮิตเหมือนเก่า
รู้หรือไม่ว่า Daniel Wellington ก่อตั้งด้วย เ งิ น ทุ น ประมาณ 830,000 บ า ท แต่กลับเติบโตจนมียอ ด ข า ย 8,300 ล้านบ า ท ภายในระยะเวลาเพียง 6 ปี จนได้รับการขนานนามว่า เป็นบริษัทที่เติบโตเร็วที่สุดในยุโรป ณ ช่วงเวลานั้น
อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นยอดขายของ Daniel Wellington ก็เริ่มตกลง แถมในปี 2019 บริษัทยังรายงานว่า ข า ด ทุ น อีกกว่า 750 ล้าน บ า ท จากจุดเริ่มต้น สู่ จุ ด ต ก ต่ำ ของ Daniel Wellington เป็นอย่างไร ?
Daniel Wellington ก่อตั้งโดยชาวสวีเดน ชื่อคุณ Filip Tysander ในปี 2011 ซึ่งได้ไอเดียการทำแบรนด์นาฬิกา มาจากการเดินทางไปเที่ยวที่ออสเตรเลียหลังเรียนจบ โดยในตอนนั้น เขาได้พบกับชาวอังกฤษชื่อคุณ Daniel Wellington ที่สวมใส่เรือนนาฬิกา Rolex เข้ากับสายนาฬิกาแบบผ้า
นี่เองจึงกลายเป็นจุดเริ่มต้น รวมถึงเป็นที่มาของชื่อแบรนด์ Daniel Wellington อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จไม่ได้เกิดขึ้นเพียง ชั่ ว ข้ า ม คืน เนื่องจากหลังจากทริปการเดินทางในครั้งนั้น คุณ Tysander โดน ไ ล่ อ อ ก จากงานถึงสองครั้ง ก่อนจะลงเรียนในหลักสูตร ธุ ร กิ จ เพิ่มเติม
รวมถึงทำธุ ร กิ จ อีก 2 อย่าง นั่นคือ การ ข า ย เนกไทและขายนาฬิกาพลาสติก และในปีที่เรียนจบ คุณ Tysander ได้ใช้เงิ น เก็บที่หามาได้ ประมาณ 830,000 บ า ท สร้าง ธุ ร กิ จ ที่ 3 หรือก็คือ แบรนด์ Daniel Wellington นั่นเอง
ซึ่งด้วยลักษณะของนาฬิกา ที่ดูมีสไตล์แบบ “ลูกผู้ดี” ใน ร า ค า ที่เข้าถึงได้ รวมถึงใส่ได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง เหตุผลเหล่านี้ จึงทำให้ Daniel Wellington กลายเป็นที่นิยมอย่างรวดเร็ว นอกจากนั้น ในด้านการตลาดแทนที่จะจ่ า ย เ งิ น ค่ า โฆษณาแบบปกติทั่วไป คุณ Tysander ก็เลือกที่จะให้สินค้าไปเลย เพื่อแลกกับการที่เหล่าอินฟลูเอนเซอร์ จะถ่ายรูปลงโซเชียลมีเดียของพวกเขา ซึ่งในสมัยนั้น ถือเป็นเรื่องที่แบรนด์ส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยใช้กัน
ในปี 2014 นาฬิกาของ Daniel Wellington ทำยอด ข า ย ได้มากกว่า 1 ล้านเรือน กวาดรายได้ไปถึง 2,400 ล้าน บ า ท และในปีถัดมา ยอด ข า ย ของแบรนด์ยังเพิ่มขึ้นเป็นกว่าเท่าตัว แตะ 5,900 ล้านบ า ท โดยจุดสูงสุดของ Daniel Wellington เกิดขึ้นในปี 2017 ที่แบรนด์สามารถทำยอดข า ย ไปได้ถึง 8,300 ล้าน บ า ท
แต่หลังจากนั้น ยอดขายของแบรนด์ ก็ลดลงเรื่อย ๆ ปี 2018 รายได้ 6,900 ล้าน บ า ท ปี 2019 รายได้ 5,900 ล้าน บ า ท แล้วอะไรคือปัจจัยที่ทำให้นาฬิกา Daniel Wellington ไม่เป็นที่นิยมเหมือนอย่างเคย ?
1.ลูกค้าไม่ได้สนใจแค่เรื่องความ คุ้ ม ค่ า ลูกค้ายุคนี้ เป็นกลุ่มลูกค้าที่มีความภั ก ดีต่อแบรนด์ค่อนข้ า ง ต่ำ เนื่องจากลูกค้าพยายามมองหาสิ่งที่ตนเองมองว่า “คุ้ ม ค่ า” และมี “คุณค่ า ” ในเวลาเดียวกัน สำหรับ Daniel Wellington ที่ทำแบรนด์ออกมาเพื่อความ คุ้ ม ค่ า
โดยอาศัยเพียงสไตล์ที่ดูเรียบง่ายใน ร า ค า ที่เข้าถึงได้ จึงไม่อาจตอบโจทย์ด้านคุณค่าในระยะยาว รวมถึงเทรนด์ฟาสต์แฟชั่น ที่ทำให้สินค้าประเภทเครื่องแต่งกายมี ร า ค า ถูกลง มีส่วนให้คนเปลี่ยนสไตล์การแต่งตัวไปเรื่อย ๆ นาฬิกาของ Daniel Wellington จึงไม่ได้ตอบโจทย์ลูกค้าอีกต่อไป
2.โลกเข้าสู่ยุคของ Smartwatch รู้หรือไม่ว่า หนึ่งในห้าของประชาชนชาวอเมริกัน หันมาใส่ Smartwatch แทนที่จะใส่นาฬิกาแบบดั้งเดิม ส่วนหนึ่งเป็นเพราะปัจจัยด้านสุขภาพ ที่คนหันมาออกกำลังกายมากขึ้น รวมถึงเทรนด์สุขภาพ
ในยุคโ ร ค ร ะ บา ด ก็ทำให้คนหันมาใส่ Smartwatch กันมากขึ้นเช่นกัน ที่สำคัญคือ ร า ค า ของ Smartwatch ในยุคนี้ ก็ไม่ได้มี ร า ค า สูง เมื่อเทียบกับสมัยก่อน เช่น Smartwatch ของ Xiaomi ก็มี ร า ค า เริ่มต้นแค่หลักร้อยบ า ท เท่านั้น
ดังนั้น หลายคนจึงหันมาให้ความสนใจกับนาฬิกาอัจฉริยะเหล่านี้ แทนการใส่นาฬิกาแบบดั้งเดิม ซึ่งหลังจากนี้ ก็คงต้องติดตามกันต่อไปว่า Daniel Wellington จะสามารถแก้เกม และกลับม า ค ร อ ง ใ จ ลูกค้าอีกครั้งได้หรือไม่
โดยปัจจุบัน ทางแบรนด์ได้เริ่มปรับตัวบ้างแล้ว อย่างถ้าเข้าไปดูในเว็บไซต์ ก็จะพบว่าแบรนด์ไม่ได้ขายแค่นาฬิกาเพียงอย่างเดียว แต่มีสินค้าจำพวกเครื่องประดับอย่าง สายนาฬิกา, กำไล, สร้อยคอ และแหวน เพิ่มขึ้นมาด้วย รวมไปถึงมีการเพิ่ม คุ ณ ค่ า ให้กับตัวแบรนด์ ผ่านการเลือกใช้วัสดุที่ผ่านการตรวจสอบด้านความยั่งยืน หรือมีสวัสดิการด้านการศึกษาให้กับคนในองค์กร
กล่าวคือ Daniel Wellington กำลังวางภาพลักษณ์ของบริษัทใหม่ ไม่ได้เป็นแค่แบรนด์นาฬิกาอีกต่อไป แต่เปลี่ยนมาเป็นแบรนด์เครื่องประดับ และห ยิ บ เ อาเรื่องความยั่งยืน ซึ่งเป็นสิ่งที่คนในยุคนี้มองหา มาทำการสื่อสารเพิ่มมากขึ้น และเน้นการสื่อสารผ่านโซเชียลมีเดียเหมือนเดิม..
อ้างอิง longtungirl