วีระพงษ์ วงศ์ศิลป์ หมอลำหนึ่งเดียวของไทยที่ยังอนุรักษ์ทำนองลำโบราณ
วีระพงษ์ วงศ์ศิลป์ กว่าจะมาเป็นหมอลำ ศิลปินภูไท รับใช้แฟนเพลงแฟนหมอลำ ผ่านประสบการณ์ชีวิตหมอลำมายายนานกว่า 20 ปี ได้รับบทเป็นทั้งพระเอก พ่อพญามาหลายคณะจนมีชื่อเสียงโด่งดังเปรี้ยงป้างเป็นพุแตก ด้วยน้ำเสียงที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ยังหาศิลปินหมอลำคนไหนเทียบชั้นได้ ทั้งยังอนุรักษ์หมอลำทำนองกาเต้นก้อนอีกด้วย
คุณพ่อวีระพงษ์ วงศ์ศิลป์ เล่าย้อนประวัติให้ฟังอย่างน่าสนใจ กับอีสานไกด์ ดอทคอมว่า พ่อวีระพงษ์ เกิดวันที่ 8 เมษายน 2507 จบการศึกษาชั้นประถมศึกษา โรงเรียนบ้านเก่าเดื่อ ตำบลทุ่งคลอง
อำเภอคำม่วง จังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นลูกชาวนาซึ่งเป็นพื้นที่ห่างไกลความเจริญผู้คนในแถบนี้เป็นชาวภูไท และสายเลือดภูไท ภาษาที่ใช้ก็จะเป็นภาษาภูไท ภาษาลาว ซึ่งเป็นเอกลัษณ์ของอำเภอคำม่วง
ชีวิตด้านครอบครัวของคุณพ่อวีระพงษ์ วงศ์ศิลป์ ได้แต่งงานกับ นางอำนวย โทไข่ษร ตำแหน่งครูโรงเรียนคำม่วงจรัสวิทย์ มีบุตร 2 คนด้วยกัน เป็น ชาย 1 หญิง 1 บุตรทั้ง 2 คน กำลังศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย
ส่วนบุตรชาย ได้มารับหน้าที่เป็นพระเอกของวงศิลปินภูไท วีระพงษ์ วงศ์ศิลป์ คือ พระเอกมาร์ค วงศ์ศิลป์ และเข้ามาช่วยดูแลบริหารจัดการวงด้วย ปัจจุบันอยู่บ้านเลขที่ 240 หมู่ที่ 4 ตำบลทุ่งคลอง อำเภอคำม่วง จังหวัดกาฬสินธุ์
เส้นทางชีวิตศิลปินหมอลำของคุณพ่อวีระพงษ์ วงศ์ศิลป์ บอกกับอีสานไกด์ ดอทคอมว่า พ่อวีระพงษ์ ให้ความสนใจเรื่องการร้องการลำ ความไฝ่ฝันตั้งแต่เด็ก ๆ อยากมีวงเป็นของตนเอง อยากเป็นหมอลำ
อยากมีคนรู้จักมากขึ้น โดยได้รับการถ่ายทอดจากอาจารย์ทันใจหวาน ซึ่งเป็นผู้ฝึกสอนการลำและการฟ้อนให้ อีกทั้งตนเองมีพรสวรรค์ในด้านนี้จึงเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว เริ่มอาชีพหมอลำอย่างเต็มตัวตอนนั้นเพียงอายุ 19 ปี ถือว่ายังเป็นวัยรุ่นแต่ชื่นชอบหมอลำ โดยในปี 2526 ออกเดินสายรับจ้างลำตามงานต่างๆ เพียงคนเดียว
จากนั้นต่อมา เมื่อปี พ.ศ. 2529 เริ่มไปเป็นศิลปินหมอลำกับหมอลำคณะซุปเปอร์สารคาม หมอลำเรื่องต่อกลอนทำนองกาฬสินธุ์สารคาม เป็นหมอลำที่มีชื่อเสียงในจังหวัดมหาสารคาม และได้รับบทพระเอก ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2531
ย้ายมาสังกัดกับหมอลำคณะซุปเปอร์มหากาฬ หมอลำเรื่องต่อกลอนทำนองกาฬสินธุ์สารคาม ยุคนั่นถือว่าเป็นหมอลำที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในจังหวัดมหาสารคามอีกคณะหนึ่ง แฟนเพลงก็พอเริ่มรู้จักมากขึ้นแต่ยังไม่มีชื่อเสียงมากเท่าไหร่
ต่อมาในปี พ.ศ.2533 ย้ายมาอยู่กับหมอลำคณะฟ้าสีคราม เป็นหมอลำเรื่องต่อกลอนทำนองกาฬสินธุ์สารคาม ที่โด่งดังมากในยุคนั้น ออกเดินสายลำทั่วอีสาน ในหลายจังหวัด เช่น ร้อยเอ็ด ยโสธร
กาฬสินธุ์ ขอนแก่น สกลนคร นครพนม และอุบลราชธานี สังกัดอยู่กับวงนี้นานมาก ประมาณ 19 ปีกว่า รับบทพระเอก และต่อมารับบทพ่อพญา แฟนเพลงให้การตอบรับมากขึ้นจนมีชื่อเสียง และเป็นวงสุดท้ายก่อนที่จะตัดสินใจมาตั้งวงเอง
ด้วยน้ำเสียงที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวจนมีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่รู้จักของแฟนเพลงและแฟนหมอลำ คุณพ่อวีระพงษ์ วงศ์ศิลป์ บอกกับอีสานไกด์ ดอทคอมว่า เส้นทางชีวิตหมอลำเริ่มเปลี่ยนอีกครั้งเมื่อตัดสินใจเดินออกมาจากหมอลำคณะฟ้าสีคราม
มาตั้งวงของตนเอง โดยเมื่อปี พ.ศ.2547 ตั้งวงดนตรีหมอลำพื้นบ้าน คณะวีระพงษ์ วงศ์ศิลป์ ศิลปินภูไท เริ่มเปิดทำการแสดงวันแรก คือวันที่ 3 มีนาคม พ.ศ.2547 ซึ่งเป็นคณะที่ยังไม่ใหญ่เท่าไหร่ มีหางเครื่องผู้หญิงและผู้ชาย รวมประมาณ 8-9 คน
“วีระพงษ์” ได้เล่าถึงการสู้ชีวิตในครั้งนี้ว่า “จุดเริ่มต้นมาจากความชอบตั้งแต่เด็กๆ ตอนนั้นทั้งหมู่บ้านไม่มีไฟฟ้า จะมีแค่วิทยุ 1 เครื่องของยายที่อยู่บ้านข้างๆ กัน เขาจะชอบเปิดหมอลำช่วงเที่ยง
จะเป็นลำเรื่องต่อกลอน เวลากลับมาจากโรงเรียนช่วงพักเที่ยงต้องฟังหมอลำก่อน แล้วค่อยไปโรงเรียนทุกวัน พ่อเรียนรู้เอง ไม่มีใครสอน เรียนจากเทป จากวิทยุ แล้วเอากลอนพวกนี้ไปร้องตามงานวัด, งานต่างๆ
ศิลปินภูไทจะแตกต่างจากวงอื่นตรงที่เป็นหมอลำทำนอง กาฬสินธุ์ และอีกจุดหนึ่งก็คือเราอยู่ในจังหวัดกาฬสินธุ์ ด้วยความเป็นภูไท (ชนเผ่า) ก็จะเอาวัฒนธรรมภูไทไปเผยแพร่ให้ได้ชม จะเป็นโชว์หลักประจำวง
แต่พอเกิด CD-19 ปัญหาคือเดินสายงานโชว์ไม่ได้ ลูกน้องหลายคนบางส่วนก็กลับบ้าน บางส่วนก็ไม่ได้กลับ เขาอยู่กับเรามาเป็นสิบๆ ปี พอเจอปัญหา CD-19 เราก็ต้องรับผิดชอบ แบกรับภาระค่าใช้จ่ายโดยที่เราไม่มีรายได้ พอมีปัญหามาก็ท้อ แต่เราต้องปรับตัวให้อยู่ในจุดนี้ให้ได้ เลยตัดสินใจว่าเราต้องลดความเครียดลง แรงผลักดันก็คืออยู่ที่ใจ ด้วยความรักในความเป็นหมอลำทำให้เราอยู่ได้
สำหรับหมอลำของพ่อคือทั้งตัว ทั้งกาย ทั้งหัวใจและเลือดทุกเม็ด มันเป็นคำว่าหมอลำไปหมด พอพ่อมามีโอกาสได้มาเป็นหัวหน้าคณะวีระพงษ์ วงศ์ศิลป์ ศิลปินภูไท มันเกินคาดที่พ่อฝันไว้สำหรับคนความรู้แค่ ป.4
พ่อไม่เคยคิดว่าจะมาเป็นผู้บริหารคนทั้งหมด 300 กว่าชีวิต เปรียบเหมือนเขาเป็นแขน เป็นนิ้วมือ เป็นหู เป็นตา เป็นร่างกาย เป็นความรู้สึกของพ่อทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นทุกส่วนของพ่อ เกินกว่าน้อง, เพื่อน
ความสัมพันธ์มันแน่นมากเพราะว่าอยู่ด้วยกันทุกลมหายใจ พ่อจะไม่ยอมให้ ศิลปินภูไท ให้มันหายเลือนลางไปจากโลกหมอลำ จะสานต่อเรื่อยๆ ให้พี่น้องได้เห็นได้ดูว่านี่คือวงศิลปินภูไทและเผยแพร่วัฒนธรรมของคนกาฬสินธุ์ต่อไป”
ข้อมูลและรูปภาพ: ryt9.com, khaosod.co.th, kotzaathaiisanmusic