X

ชีวิตคุณหนูแห่งมาลีนนท์ ที่ไม่เคยต้องคิดเรื่องเงิน แต่ชีวิตจริงยิ่งกว่าละคร!

ชีวิตคุณหนูแห่งมาลีนนท์ ที่ไม่เคยต้องคิดเรื่องเงิน แต่ชีวิตจริงยิ่งกว่าละคร!

เกิดมาในตระกูลอภิมหาเศรษฐีของเมืองไทย ใครๆก็คิดว่าชีวิต “ตู่-ปิยวดี มาลีนนท์” ลูกคนที่ 4 ของ “ประชา มาลีนนท์” จะเพอร์เฟกต์สมบูรณ์พร้อม อยากได้อะไรก็ต้องได้ แต่เอาเข้าจริงๆ

เนื้อแท้ของทายาทช่อง 3 กลับห่างลิบลับจากความเป็นคุณหนูไฮโซ เพราะเธอลุยดะทุกอย่างเพื่อพิสูจน์ฝีมือ จนก้าวขึ้นมาเป็นผู้บริหารฝ่ายการตลาด

และผู้จัดละครแถวหน้าของช่อง 3 ยิ่งมาเผยตัวตนให้คนได้เห็นถึงความน่ารักติดดิน ตอนทำเพจรีวิวอาหาร “Mawinfinferrr” คู่กับแฟนเพลย์บอย “มาวิน ทวีผล”

ทำให้หลายคนหลงรักในความโก๊ะใสของคุณหนูมาลีนนท์ และอดสงสัยไม่ได้ว่าหนุ่มโลโซอย่างมาวินป้ายยายังไงถึงเด็ดดอกฟ้าที่สุดสอยมาครองได้สำเร็จ ถึงขั้นตกลงปลงใจลั่นระฆังวิวาห์ด้วย

“สำหรับตู่เงินไม่ใช่ความสุข หลายคนสงสัยว่าทำไมตู่มาคบวิน เพราะวินดูแลจิตใจตู่ได้ ตู่อยากได้คนที่มีเวลาให้เรา คนที่อยู่ข้างๆเราเสมอ วันที่เรารู้สึกแย่เขาจะอยู่กับเรา

ความเป็นมาลีนนท์บางทีก็มีทั้งความสุข ความทุกข์ และความกดดันบางอย่าง ตู่ยอมรับว่าการเป็นมาลีนนท์มีข้อดีเยอะกว่าไม่ดี ทุกคนต้องมองว่าชีวิตเพอร์เฟกต์มาก

ตู่โตมาแบบอยากได้อะไรก็ต้องได้ ชีวิตไม่เคยต้องคำนวณว่าจะใช้เงินเท่าไหร่ ซึ่งต่างจากวินมาก จำได้ว่าของขวัญวันเกิดจะมาเป็นลังทุกปี อยากได้อะไรก็ได้หมด

ขาดอย่างเดียวคือพ่อไม่มีเวลาให้!! พอถึงวันเกิดต้องบอกป๊าอาทิตย์หน้าวันเกิดหนูแล้ว เขาก็จะจัดเต็มมาให้ แต่ตัวไม่มานะ สิ่งที่ตู่ขาดมาทั้งชีวิตคือความอบอุ่นจากพ่อ

อยากให้ป๊ามีเวลาให้บ้าง เราต้องการความรักความใส่ใจมากกว่าข้าวของเงินทอง เงินไม่ใช่ความสุขที่สุดของเรา”…คุณตู่บอกเล่าถึงความรู้สึกลึกสุดติ่ง

ชีวิตตู่เหงานะ ถึงจะมีพี่น้อง 7 คน เป็นแม่เดียวกัน 3 คน แต่ด้วยความรวยอยู่ในบ้านหลังใหญ่ ทุกคนมีห้องของตัวเอง และจะเก็บตัวอยู่แต่ในห้อง

ทั้งๆที่อยู่บ้านเดียวกันแทบไม่เจอกันเลย เรียกว่าอยู่แบบต่างคนต่างอยู่ ก็มีขัดแย้งทะเลาะกันบ้าง ตู่อยู่กับแม่แค่ถึง ป.1 แล้วคุณพ่อก็รับพวกเราเข้ามาอยู่ในบ้านมาลีนนท์กับแม่ใหญ่ (แพ็ตตริเซีย แมรี่ มาลีนนท์)

ถ้าเป็นตอนมัธยมตู่ไม่กล้าเล่าเรื่องพวกนี้ให้ใครฟัง กลัวมากเวลาคนถามเรื่องที่บ้าน ตอนเด็กเป็นเรื่องใหญ่มากของชีวิต ตู่โตมาแบบเคว้งคว้างไม่มีใครเลยจริงๆ เพราะพ่อทำงานเยอะมาก

เป็นทั้งผู้บริหารช่อง 3 และรัฐมนตรี ตู่คงโตมาไม่ได้ถ้าขาดอาโกวดูแล ตู่มีแค่พี่สาวที่คอยลุยเวลามีเรื่องกัน ส่วนเราจะเงียบอย่างเดียว

คิดเสมอว่าเราต้องเป็นเด็กดี ต้องไม่ทำอะไรที่ทำให้พ่อไม่สบายใจ ถ้าเราเป็นเด็กดีเรียนดีพ่อจะได้รักเรา (เสียงสั่นเครือ) สำหรับตู่เงินเลยไม่ใช่ความสุข

พอเราเป็นมาลีนนท์ทำอะไรนิดหนึ่งเหมือนจะผิดมาก เช่น เราแค่ลืมเอากล่องสีมาโรงเรียน ทำไมครูต้องเรียกผู้ปกครองมาด้วย จำได้ว่าตอนเรียนเซนโยฯครูจะเรียกไปรำทุกปี

แต่ตู่ไม่เคยอยากรำเลย เพราะเพื่อนๆมีพ่อแม่มานั่งดู แต่เรารำให้ใครดูก็ไม่รู้ (เสียงสั่นเครือ) พ่อไม่เคยมางานโรงเรียนเลย ส่งแต่ตากล้องมาบันทึกภาพเก็บไว้

ตู่กลัวมากตอนที่ทุกคนถ่ายรูปกับพ่อแม่ เพราะเราไม่เคยมีใครเลย ยอมรับว่าการเป็นมาลีนนท์มีข้อดีเยอะกว่าไม่ดี ทุกคนต้องมองว่าชีวิตเพอร์เฟกต์มาก ตู่โตมาแบบอยากได้อะไรก็ต้องได้

ชีวิตไม่เคยต้องคำนวณว่าจะใช้เงินเท่าไหร่ ของขวัญวันเกิดจะมาเป็นลังทุกปี อยากได้อะไรก็ได้หมด สิ่งที่ตู่ขาดมาทั้งชีวิตคือความอบอุ่นจากพ่อ

ตู่เลือกเรียนเอกวิทยุโทรทัศน์ คณะวารสารฯ มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ เพราะตั้งใจว่าต้องมาช่วยกิจการครอบครัว หลังเรียนจบปริญญาโทด้านการตลาดจากมหาวิทยาลัยบอสตัน

ก็กลับมาทำงานที่ช่อง 3 โดยเริ่มจากการเป็นเจ้าหน้าที่การตลาดธรรมดาๆ ตอนนั้นคุณพ่อเป็นกรรมการผู้จัดการ ยุคนั้นแทบไม่มีลูกหลานมาลีนนท์ทำงานช่อง 3

แต่ตู่ตั้งใจไว้เลยว่าวันหนึ่งคนจะต้องรู้จักเราในฐานะ “ปิยวดี มาลีนนท์” ไม่ใช่ลูกสาวของ “ประชา มาลีนนท์” เพราะพ่อคงไม่สามารถอยู่กับเราได้ตลอดไป

ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ ตู่ไม่มีห้องทำงานเหมือนผู้บริหารคนอื่น เพราะอยากคลุกคลีใกล้ชิดกับพนักงาน ตู่เรียนรู้การทำงานเองตั้งแต่นับของพรีเมียมในห้องเก็บของ

ไปจนถึงเคลียร์บิลบัญชี พอทำมาร์เกตติ้งสักพักก็ขยับมาเป็นหัวหน้าแผนกกลยุทธ์ และปัจจุบันเป็นผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายการตลาด ส่วนการเป็นผู้จัดละคร คุณพ่อเป็นคนแนะนำให้ทำ

เริ่มจากการทำซีรีส์เรื่อง “มหาชนชาวแฟลต” ประสบความสำเร็จดี และจากที่โดนสบประมาทว่าเด็กเส้น ตู่พิสูจน์ตัวเองด้วยการทำละครเรื่องแรก “ทัดดาวบุษยา” ได้เรตติ้งสูงสุดของช่อง 3 ในปีนั้น

ตลอดเวลาที่คบกันไม่เคยพาวินเข้าบ้าน และที่บ้านก็ไม่เคยถามถึงเขาสักคำ จนตอนไปเอาติ้งบริษัท วินเจอกับหลานตู่ “น้องเบรธ” ชวนเล่นเกมจนสนิทกัน หลังจากนั้นพอไปเที่ยวทริปแฟมิลี่ หลานจะบอกว่าอยากให้อาวินมาด้วย

วันตรุษจีนเมื่อ 2 ปีก่อน พี่สาว (ดร.แคทลีน มาลีนนท์) บอกให้ชวนวินมากินข้าวกับที่บ้าน เลยได้พาวินเข้าบ้านเป็นครั้งแรก วินเกร็งมากไม่ค่อยกล้าคุย แต่ทุกคนจำเขาได้หมด เพราะกินทุกอย่างเกลี้ยงโต๊ะ

ไม่เหลือห่อกลับบ้าน พอเจอบ่อยๆเขาก็เริ่มเอนเตอร์เทนทุกคน ขนาดแม่ใหญ่ยังชอบเขา ตอนจะแต่งงานต้องบอกทุกคนทั้งตระกูล เริ่มจากบ้านตัวเองก่อน แล้วทยอยบอกอาๆ และบ้านอื่นๆในมาลีนนท์ ไม่มีใครห้าม หรือส่งเสริมอะไร

พอรู้ว่าเราจะแต่งงานกัน คนที่บ้านตู่เริ่มนึกถึงวินมากขึ้น มีสั่งอาหารเผื่อวิน หลังแต่งงานตั้งใจแยกตัวออกไปสร้างครอบครัวเอง ชีวิตเราผ่านมาครึ่งทางแล้ว ตู่อยากใช้ชีวิตที่เหลืออยู่อย่างมีความสุขที่สุด

ข้อมูลและรูปภาพ: thairath.co.th, tu_piyawadee, entertain.teenee.com, praew.com

About ดาวพระศุกร์

View all posts by ดาวพระศุกร์ →