X

“เบ๊น อาปาเช่” นักพูดเล่าเรื่องตลกที่ยังยืนระยะเป็นอินฟลูเอนเซอร์

“เบ๊น อาปาเช่” นักพูดเล่าเรื่องตลกที่ยังยืนระยะเป็นอินฟลูเอนเซอร์

เบ๊น อาปาเช่ เจ้าของลุคกวน ๆ อย่างที่เราเคยรู้จักเขาผ่านโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ข้างในนั้นเป็นอย่างไร ตัวจริงก็เป็นอย่างนั้น

‘เบ๊น อาปาเช่’ เป็นที่จดจำในฐานะหลานชายจอมแ.ส.บที่พาอาม่าเหม่งทึ้งไปเล่นอะไรแผลง ๆ จนเปิดเพจ Benz Apache – เบ๊น อาปาเช่

และกลายเป็นอินฟลูเอนเซอร์ที่มีผู้ติดตามหลักล้าน นอกจากยายหลานจะแจ้งเกิดพร้อมกันแล้ว

เบ๊นยังเป็นคนแรก ๆ ที่กรุยทางในวงการอินฟลูเอนเซอร์ เพื่อพิสูจน์ว่าวัยเก๋าก็เป็นคนดังที่ทรงอิทธิพลในโซเชียลมีเดียได้

จากวันที่ค.ลิ.ปอาม่ากลายเป็นไว.รั.ล เบ๊นยังคงอยู่ในสปอตไลต์เหมือนเดิม เพิ่มเติมคือเป็นคุณพ่อของลู.ก

ที่คว้าไมค์ขึ้นไปเล่าเรื่องตลกบนเวที ‘ยืนเดี่ยว’ คอมเมดี้สแตนอัพร่วมสมัยของประเทศไทย จนมีคนเข้าไปฟังในยูทูบกว่า 10 ล้ๅนวิว

จากหลานของอาม่า พ่อของลูก นักพูดเล่าเรื่องตลกที่ยังยืนระยะเป็นอินฟลูเอนเซอร์ เขาเติบโตขึ้นอย่างไรบ้าง

เบ๊น-อัครเดช โยธาจันทร์ มาคุยเรื่องบทบๅทนักพูด ชี.วิตของคนตลกแต่ไม่ตลอด และวันคืนที่ไม่มีอาม่าอยู่ข้าง ๆ

การพูดในยืนเดี่ยวคือความท้าทายในชี.วิตเลย ผมสนุกมากเพราะตอนที่เราเป็นยูทูบเบอร์ เป็นอินฟลูเอนเซอร์ ถ่ายค.ลิ.ปไปสิบรอบแล้วเอาไปตัดต่อได้

ไม่มีอะไรต้องตื่นเต้น แต่พอเรารู้ว่าเดือนหน้าจะต้องไปพูดที่ยืนเดี่ยว ตลอดทั้งเดือนก็จะไม่ค่อยมีความสุข เพราะกดดันมาก เกร็งมาก

หรืออีกแง่หนึ่งความสุขของมันก็คือความท้าทายนี่แหละ หลังจากที่พูดจบแล้วคนดูขำกับมุกของเรา คนดูชอบ ผลตอบรับดี มีความสุขฉิบเป๋งเลย

ในตอนนั้นคนหนึ่งเป็นชายหนุ่มวัย 25 อีกคนเป็นหญิงชราวัย 83 แม้ช่วงวัยจะห่างกัน แต่ความผูกพันไม่ห่างไกล นั่นจึงทำให้ อัครเดช โยธาจันทร์ หรือที่ชาวเน็ตรู้จักกันดี

ในชื่อ “เบ๊น อาปาเช่” หลานจอมซ่า กับ “สุนันท์ ชัยสาธิตพร” อาม่าสุดเฟี้ยว จับมือกันถ่ายทำโจ๊กวันละตอน ผลัดกันแหย่ผลัดกันยิงมุขอย่างเมามัน

แล้วนำมาเผยแพร่ในเพจเฟสบุ๊กชื่อ Benz Apache เรียกเสียงฮา เรียกยอดไลค์ได้ถล่มทลาย จนกลายเป็นเซเลบคนใหม่แห่งโลกโซเชียล

ตลอดชีวิตนี้ผมรู้จักนักพูดสายฮาอยู่คนเดียวคือ พี่โน้ส-อุดม แต้พานิช จากเดี่ยวไม่โครโฟน แต่อยู่ ๆ เราต้องไปยืนเป็นโน้ส อุดม เสียเอง

แล้วให้คนมายืนดูเรา คำว่าเดี่ยวไมโครโฟนคือยืนพูดอยู่คนเดียว คนฟังเขาก็นั่งฟังเราคนเดียว ตื่นเต้นและมันตรงที่ว่าสิ่งที่เราพูดออกไปจะโดนใจเขาไหม

ผมว่าการเดี่ยวไมโครโฟนแต่ละครั้งจะดีหรือไม่ดีอยู่ที่มุกแรก ผมขึ้นเวทีไปหกครั้ง ถ้ามีคนขำมุกแรกที่เตรียมไป วันนั้นจะสนุก แต่ถ้ามุกแรกไม่มาก็พังเลย

อาม่าผมเป็นมนุษย์ป้าเจเนอเรชันแรก ๆ ของประเทศไทยเลยก็ว่าได้ หมอมักจะเกลียดอาม่า เพราะอาม่าเป็นนักแซงคิวอันดับต้น ๆ

ถ้าสมัยนี้อาม่ายังอยู่ต้องมีดรๅม่ๅแน่นอน เพราะกล้องวงจsปิดเยอะ เวลาไปโรงพยาบาลรัฐ ปกติเราต้องตื่นไปรอตั้งแต่ตีห้า

แต่อาม่าแกเป็นคนตื่นสาย กว่าจะไปถึงก็สายแล้ว อาม่าเลยชอบแกล้งป่.ว.ย เขาเลยแซงคิวให้ไปเจอหมอเลย พอเข้าไปในห้องก็บอกหมอว่า “เมื่อกี้กูแกล้ง”

บางทีผมขับรถตู้ให้อาม่านั่ง อาม่าชอบบอกให้ย้อนศรเข้าโรงพยาบาลไปเลย ซึ่งมันไม่ถูกต้อง พอตำร.ว.จมาจับ อาม่าก็จะบอกเลยว่า “อั๊วไม่ไ.ห.วแล้ว อั๊วจะตๅยแล้ว” เหมือนเดิม

สุดท้ายวันต่อมาดันไปเจอตำร.ว.จคนเดิม อาม่าใช้มุกเดิม ตำร.ว.จบอกว่าจำได้นะ อาม่าใช้มุกนี้ไปแล้ว เรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องในชีงวิตประจำวัน ที่พอเอามาเติมเครื่องปรุงนิดหน่อยให้มีรสชาติก็หยิบไปเล่าได้

ข้อมูลและรูปภาพ: readthecloud., posttoday, Benzaapache, springnews.

About ดาวพระศุกร์

View all posts by ดาวพระศุกร์ →