เลิกเรียกเราว่าลูกหม่ำ

 

เลิกเรียกกูว่าลูกหม่ำ ขอให้จดจำกูในฐานะ VKL แร็ปเปอร์ผู้บุกเบิก Esan trapการมาถึงของเพลง ยโส ที่ผสมดนตรีหมอลำเข้าไป trap อันหนักหน่วงพร้อมกับสไตล์การแร็ปด้วยภาษาถิ่นคม ๆ ทำให้ทุกคนในบ้าน ฟังใจ พูดพร้อมกันเลยว่า…เขาเอาจริงว่ะ

ทำให้เราแอบติดตามการเติบโตของ VKL หรือ มิกซ์—เพทาย วงษ์คำเหลา ผ่านดนตรีมาตลอด จนมาถึงเพลง VONG VISION ที่มีดนตรีเป็นสากลแต่ไม่ทิ้งภาษาถิ่นของตัวเองไป กลายเป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้เราสนใจในตัวแร็ปเปอร์คนนี้เป็นพิเศษ

จนเราได้มีโอกาสคุยกับเขาแบบจริงจังในช่วงที่กำลังโปรโมตอัลบั้มเต็มอัลบั้มแรกของตัวเอง ถึงการเดินทางอันยากลำบากและต้องพิสูจน์ตัวเองมากกว่าคนอื่นในฐานะลูกหม่ำ แต่เชื่อว่าหลังจากอ่านบทสัมภาษณ์นี้ ทุกคนจะต้องจดจำเขาในฐานะ VKL แร็ปเปอร์ที่มีฝีมืออีกคนหนึ่งของวงการฮิปฮอปไทยมาหลงใหลเพลงแร็ปได้ยังไง

ตอนผมเข้ามหาลัยผมก็ได้เงินก้อนหนึ่งจากเล่นหนังเรื่อง ‘แหยม 3’ ผมก็คิดว่าจะลงทุนกับอะไรดี คือตั้งแต่เกิดมาความฝันผมคืออยากเป็นผู้กำกับแต่เงินน่าจะไม่พอ เลยเลือกเพลงดีกว่า ผมอยากทำเพลงตั้งแต่ตอนอยู่แคนาดาแล้ว เป็นช่วงที่ผมรู้ว่าชอบแนวฮิปฮอป ก่อนหน้านี้ผมไม่ได้ชอบฟังเพลงแนวอะไรเลย สตริงก็ไม่ชอบ พอมีงบก้อนนี้เลยมาลองทำซักตั้งหนึ่งจนถึงตอนเนี้ย มันมาครึ่งทางแล้วมันออกไม่ได้แล้ว (ยิ้ม)

ทำไมถึงมาลงกับแนว trapผมชอบ T.I. หรือ UGK อยู่แล้ว ชอบพวก trap พวก Dirty South พอมายุคนี้อะไรที่มันเป็น south ๆ หน่อย ผมเลยมาแนวนี้เลย แล้วผมอีสานเนี่ย ก็เลยเป็น Esan trap เลย

แล้ว trap กับ rap มันต่างกันไหมที่จริงมันไม่แตกต่างกันนะ ถ้าให้เปรียบเทียบเรื่องซาวด์คือ trap มีมานานแล้วแต่สมัยก่อนเขาใช้คิกกับสแนร์ พอมายุคนี้โปรดิวเซอร์บางคนเขาเอาซาวด์จาก edm มาใช้กับฮิปฮอป แต่แร็ปเหมือนกันหมด บางคนก็มีสัดส่วนเอกลักษณ์ของเขาไป

อะไรทำให้เราเอาสำเนียงกับภาษาอีสานมาใส่ในเพลงของตัวเองนั่นคือจุดยืนแล้วก็จุดแข็งของผมครับ ถ้าให้เปรียบเทียบคือทุกคนมีเอกลักษณ์ของตัวเองอย่าง IRONBOY แร็ปเร็ว ที่ผมเห็นคือแร็ปกันก็คือแร็ปกันเฉย ๆ อะ ให้รู้ว่าแร็ปเป็นแต่ไม่มีความเป็นเอกลักษณ์

ให้เปรียบเทียบคือบางคนมาจากจังหวัดนี้ไม่ได้พูดถึงความเป็นพื้นบ้านของตัวเอง ผมรู้สึกเหมือนเป็นลูก Youngohm อะ (หัวเราะ) เป็นลูกของ OG-ANIC ไม่ใช่ว่าร้องตามอย่างเดียว ต้องมีเอกลักษณ์ของตัวเอง เลยเอาเรื่องวัฒนธรรมเข้ามา

แรงบันดาลใจในเพลงฮิปฮอปกับเพลงหมอลำมาจากไหนพี่โจ้ Joeyboy เลยครับ พูดตรง ๆ ผมชอบพี่แกมาตั้งแต่สมัยไหนแล้ว ฟังแกทำสามช่าแล้วโอเค ผมก็ชอบ แต่พอมาฟัง คิดถึงจังหวะ ผมเลยรู้สึกแบบ เฮ้ย เราเป็นคนอีสาน พี่โจ้ไม่ใช่คนอีสานแกทำได้อะ ทำลั่นอะ

เราไม่ได้บอกว่าทำได้ลั่นกว่า แต่เราเป็นคนอีสานมันต้องมีอะไรที่คนยังไม่ได้เห็นสิ บวกช่วงนั้นพี่โจ้ทำกับ Boom Boom Cash เป็นตึ๊ดผสมหมอลำ ยิ่งแบบ เชี่ยกูต้องทำเพลงแล้ว ต้องหาเอกลักษณ์ตัวเอง ส่วนหมอลำนี่ผมฟังหมดนะ แต่ฟังจากพ่อกับแม่เวลาเขาเปิด แต่ผมไม่ได้ใส่ใจ บีตมันอยู่ในหัวผมตลอดแต่ผมไม่ได้จำว่าเพลงไหนเป็นของใคร

อัลบั้ม VONG VISION มันมีคอนเซ็ปต์ยังไงวิสัยทัศน์ของวงษ์ คนมองผมว่าเป็นลูกหม่ำ แต่ผมอยากให้คนเห็นอัลบั้มนี้แล้วจำได้ว่านี่คือศิลปินชื่อ มิกซ์—เพทาย วงษ์คำเหลา เขาจะเสนอเรื่องราวอีกหลายมุมไม่ใช่แค่ลูกหม่ำ อยากให้ทุกคนรู้ว่าคอนเซ็ปต์มันมากกว่านั้น แล้วมันก็มีเรื่องราวในอัลบั้มว่าเราไปเจออะไรมาบ้าง การเติบโตตั้งแต่ทำเพลงเริ่มจากศูนย์จนมาถึงตอนนี้ ในมุมมองชีวิตส่วนตัวเรารู้สึกยังไง ในอดีตเรารู้สึกยังไง

มีเพลงไหนในอัลบั้มที่เรารู้สึกตื่นเต้นกับมันมาก ๆ อยากให้คนฟังเร็ว ๆถ้าพูดตรง ๆ ผมตื่นเต้นทุกเพลงเลย (หัวเราะ) แต่ผมที่ผมรู้สึกอินนะ ไม่ได้โยกหรืออะไร ชื่อเพลง เคยตัว ผมว่ามันไม่ใช่เพลงหนึ่งที่ดี แต่ผมว่ามันพูดตรงดี ผมไม่ค่อยเห็นเพลงใครที่พูดถึงด้านแย่ ๆ ของตัวเอง เวิร์สแรกผมพูดถึงเรื่องที่ผมทำแย่ ๆ ไว้กับแฟนเก่า

พอมาเวิร์สสองผมพูดถึงเรื่องการทำเพลง เรื่องไม่สนใจเพื่อนกับครอบครัว ผมรู้สึกมันตรง ทุกคนมันไม่ได้มีแต่ด้านบวก ทุกคนมันต้องมีด้านไม่ดี อยากให้ทุกคนรู้ว่าผมก็ไม่ใช่คนดีนะ ไม่ได้เพอร์เฟกต์เหมือนพวกคุณ

ในอัลบั้มจะมีซาวด์พื้นบ้านอีกไหมมีครับ มีสามแทร็ค Hardcore, เสียหลาย กับ เสียงอีสาน เอ้ย ทำไมทั้งอัลบั้มใช้ซาวด์แบบนี้แค่สามเพลง ใช่ ผมเป็นคนอีสานแต่ผมไม่ได้บอกว่าจะเอาความอีสานมาใช้พรีเซนต์ มันคือท่าไม้ตายของผมไง ให้เปรียบเทียบคือเวลาเรากินข้าวเสร็จก็จะมีของหวาน

ผมจะใช้เสียงอีสานตบท้าย ผมจะให้คุณกินของหวานก่อนกินข้าวก็คงเลี่ยนคงเบื่อ มันจะมีช่วงเวลาของมันที่พอดี ไม่ได้ออกมาอีสานเลย ท่าไม้ตายผมออกมาคือต้องยอม อัลบั้มนี้เหมือนโชว์ให้คนเข้าใจด้วยว่าผมมีอีกมุมหนึ่งอยากโชว์ ที่ตั้งใจให้เป็นหลัก แต่คุณมาชอบอีสานก่อน ผมเลยอยากพรีเซนต์ว่าผมตั้งใจโชว์แบบนี้นะ

เคยคิดอยากลองทำแนวป็อปบ้างไหม แบบที่แร็ปเปอร์หลายคนลองทำกันช่วงนี้ตอนนี้ยังไม่ใช่ ผมยังไม่บรรลุในแร็ป ผมยังไม่เสร็จภารกิจของผมเลย แต่ถ้าถามว่ามีเพลงร้องเพลงขายมั้ย ก็มีครับ แต่ไม่ใช่ในฟิวแบบที่ทุกคนชอบฟังอะไรทำให้เราภูมิใจในการเป็นคนอีสาน

ถ้าให้เปรียบเทียบเหมือนแร็ปเปอร์บางคนได้เงินแล้วเอาตังไปให้แม่ ผมว่ามันคือความภูมิใจแบบนั้น บางคนมีตังค์แล้วเอาไปซื้อสร้อยทองได้ แต่ผมภูมิใจบ้านเกิดผม ผมเลือกที่จะไม่ซื้อสร้อยทองของหรูหราแต่เอาเงินไปลงห้องอัด ผมรู้ว่าสิ่งที่ผมภูมิใจก็ไม่แตกต่างจากคนอื่นที่เขาภูมิใจที่ได้โชว์สร้อยท-อง

มีคนมาคอมเมนต์ในเพลงของเราว่า ‘โค-ต-รล-าวเล-ย’ ตอนนี้คิดว่ามันเป็นคำชมได้ไหมพูดตรง ๆ นะ ผมไม่ได้อ่านคอมเมนต์และผมไม่สนอะ ผมมีหลายอย่างที่ต้องทำ คนนั้นแม่งโคต-รบ้–าชิ-บ-หายที่มาคอมเมนต์แบบนั้น แล้วจะบอกด้วยว่าชีวิ-ตมึ-งแ-ย่มากอะ มึงไม่มีอะไรทำอะ กู make money กู-ค-รี-ยดทุกวัน แต่มึงมานั่งพิมพ์แบบนี้กูดูละกันว่า… นั่นแหละ (ยิ้ม)

ในฐานะที่เราเป็นคนรุ่นใหม่ เรายังคิดว่ากรุงเทพ ฯ เป็นจุดหมายปลายทางของความสำเร็จอยู่รึเปล่าที่จริงตอนนี้ทุกที่สำเร็จได้ครับ ขึ้นอยู่กับศิลปินคนนั้นเหมาะจะอยู่ที่ไหนมากกว่า มันเปิดกว้างแล้วในความรู้สึก

การที่มีพ่อเป็นคนดังมันสร้างกำแพงอะไรบางอย่างในเส้นทางของเรารึเปล่าช่วงแรก ๆ แหละ เพราะเขาคิดว่าผมเป็นลูกตลกต้องเป็นตลกเหมือนพ่อ ถ้าให้เปรียบเทียบเหมือนผมออกรายการ ศิลปินแร็ปเปอร์คนอื่นเขาใส่หมวกใส่แว่นเขาไม่ว่า แต่ผมใส่เขาให้ผมถอดออก เพราะอะไร เขาไม่มองว่าเป็นสไตล์ผม ช่วงทำเพลงแรก ๆ ก็ไม่มีใครเชื่อใจ คิดว่าเป็นลูกหม่ำเขาว่าไม่จริงจัง

แล้วเราก้าวข้ามมันยังไงความรู้สึกผมนะ ตอนเพลง แมนแล้วบ่ ผมไม่ได้มองว่ามันได้ล้านวิว แค่แสนวิวแล้วมีข่าวมีอะไรผมรู้แล้วว่าผมไม่จำเป็นต้องสนใครละ ไม่สนในที่นี้ไม่ใช่ไม่รับฟังคนรอบข้างนะ คนอื่นผมก็เปิดรับฟังเหมือนเดิม แต่ความหมายคือไม่ต้องมาคอยถาม “พี่คิดว่าอันนี้เป็นไงครับ”ฝากอะไรถึงคนที่เพิ่งรู้จัก VKL

ฝากด้วยครับ อัลบั้ม VONG VISION ทุ่มหมดใจทั้งหมดเลยที่มีอยู่ ผมลองกับอัลบั้มนี้เลยว่าผมจะเดินบนเส้นทางศิลปินได้มั้ย ถ้าไม่ได้ผมคงไม่เลิกหรอก แต่อาจจะไม่ถี่เหมือนเดิมที่เคยเห็น VKL มา ต้องไปลองกับเส้นทางอื่น ก็อยากให้ลองฟัง

เปิดใจ ถามว่าผมอยากให้อัลบั้มผมได้ตังเยอะมั้ย โอ้โห ไอ้เหี้ย ทุกคนอยากอยู่แล้ว แต่ผมไม่หวังตรงนั้น ผมอยากให้คุณเข้าใจในคอนเซ็ปต์กับเรื่องราวที่ผมกำลังโชว์ ขอให้คุณเปิดรับตรงนั้นก็พอ เหมือนที่ศิลปินเปิดรับตามใจคนฟัง คนฟังเปิดใจรับคนทำบ้าง