“ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” ผู้แข็งแกร่งที่สุดในปฐพีบน
เชื่อว่าหลายคนคงจะเคยเห็นภาพ “ชายกล้ามใหญ่ สวมเสื้อและกางเกงสีดำ ไม่ใส่รองเท้า ถือถุงกับข้าวเดินเข้ามาในวัด” ผ่านตากันมาบ้างบนโลกออนไลน์ นี่คือภาพที่กลายเป็น “มีม” ด้วยฝีมือชาวเน็ต สร้างเสียงหัวเราะให้กับคนที่ได้พบเห็น และเป็นต้นกำเนิดฉายา “รัฐมนตรีที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี” ของ “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” นักการเมืองมากความสามารถและขวัญใจชาวโซเชียล
แม้ช่วงหลายปีที่ผ่านมา ชื่อของชัชชาติจะไม่ถูกกล่าวถึงมากนัก แต่เขาก็ไม่เคยหายไปไหนและยังคงทำงานช่วยเหลือประชาชนอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม อดีตรัฐมนตรีผู้แข็งแกร่งที่สุดในปฐพีก็กลับมาร้อ-นแ-รงอีกครั้ง เมื่อเขาตัดสินใจกลับเข้าสู่สังเวียนการเลือกตั้ง ด้วยการประกาศลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น “ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร”
จากรัฐมนตรีโลกลืม สู่ “มีมชัชชาติ” “ผมว่าสนุกดีนะ จริง ๆ แล้วมันเป็นช่องทางที่ทำให้เรารู้สึกว่า เราก็ไม่ได้แตกต่างจากคนอื่นหรอก ก็แซวได้ ขำได้ สำหรับผมจริง ๆ มันเหมือนโชคช่วย เพราะแต่ก่อนผมจะมีมีม ผมเป็นรัฐมนตรีโลกลืมนะ แต่พอมีมนี้ออกมา กลายเป็นผมก็เปลี่ยนเลย คนรู้จักผมเยอะขึ้น” ชัชชาติเริ่มต้นเล่าเรื่องมีมของตัวเองที่สั่นสะเทือนโลกอินเตอร์เน็ต
“เราก็ออกกำลังกายแบบนี้แหละ เราก็ยังไปใส่บาตรอยู่ เราก็แต่งตัวแบบนี้ไปออกกำลังกาย ผมว่าอันหนึ่งมันไม่เ-ฟค คือถ้าเ-ฟคคงหายไปนานแล้ว แต่บังเอิญเรายังออกกำลังกายอะไรแบบนี้อยู่ ส่วนหนึ่งมันก็คล้าย ๆ ตัวตนของเรา” ถึงแม้รูปมีมและมุกผู้แข็งแกร่งที่สุดในปฐพีของชัชชาติจะโด่งดังมากในโลกออนไลน์ แต่เขาก็ชี้ว่าความโด่งดังนี้ไม่สามารถสะท้อนกันและกันได้ เนื่องจากมีผู้มีสิทธิ์เลื-อกตั้-งจำนวนมากที่ไม่ได้ใช้อินเตอร์เน็ตหรืออยู่กับสื่อออนไลน์
“ก็เหมือนมาร์เก็ตติ้งทั่งไปนั่นแหละ บางส่วนคุณโฆ-ษ-ณ-าออนไลน์หรือข-ายออนไลน์ได้ บางส่วนคุณต้องใช้ป้าย บางส่วนคุณต้องใช้สิ่งพิมพ์ ผมว่าโลกออนไลน์อาจจะได้บางส่วน สัก 40% ของคนที่อาจจะเป็นคนรุ่นใหม่ หรือคนที่ยังอยู่กับสื่อ แต่หลายคนที่ทำงานหนักทั้งวัน กลับบ้านไม่มีเวลา ผมว่าก็อาจจะไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโลกออนไลน์” ชัชชาติระบุ
ความตั้งใจจะทำให้ทุกคนมีความสุข “มีคนถามว่า แพชชั่นของผมคืออะไร ทำงานมาตั้งนานผมก็ไม่รู้เลยนะ จนสุดท้ายเราพบว่ามันคือการทำให้คนอื่นมีความสุขขึ้นนิดนึงก็ยังดี ซึ่งผมเชื่อว่าตำแหน่งอย่างผู้ว่าฯ หรือตำแหน่งข้าราชการมีผลเยอะ เพราะเขาเป็นคนเอาทรัพยากรของรัฐกระจายให้คน เพราะฉะนั้นเขาจะมีอำนาจ ในแง่ของทรัพยากร ในแง่ของกฎระเบียบต่าง ๆ ผมจึงคิดว่ามิติของทุกคนถูกแตะต้องด้วยหน้าที่ของผู้ว่าฯ ไม่มากก็น้อย” ชัชชาติตอบคำถามเรื่องการลงสมัครผู้ว่าฯ กรุงเทพมหานคร
จุดเริ่มต้นจากการเดินห-าเ-สียงในการเลือกตั้งปี 2562 ทำให้ชัชชาติได้พูดคุยและเรียนรู้เรื่องปั-ญ-ห-าต่าง ๆ ของประชาชนผู้อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ บวกกับความชื่นชอบการลงพื้นที่ทำงานและแก้ไขปั-ญห-ามากกว่าการโลดแล่นในพื้นที่ของการเมืองระดับประเทศ จึงทำให้เขาตัดสินใจที่จะลงสมัครผู้ว่าฯ กรุงเทพมหานคร เพื่อทำงานแก้ไขปัญหาชีวิตความเป็นอยู่ของคนกรุง
“ปั-ญห-าเรื่องที่อยู่อาศัยเป็นเรื่องสำคัญของเมือง หลาย ๆ ประเทศของโลกแก้ไขปั-ญห-าเมืองโดยเริ่มจากที่อยู่อาศัย ถ้ามีที่อยู่อาศัยที่มั่นคง เขาจะมีความก้าวหน้าในชีวิตมากขึ้น มีความรักเมือง และดูแลเมืองมากขึ้น ในกรุงเทพเองมีหลายชุมชนมากเลยที่ยังขาดความมั่นคงเรื่องที่อยู่อาศัย ก็คือไม่ได้อยู่ในที่ของตัวเอง อยู่ในที่เช่า ถูกไล่ที่ ผมว่ามีเป็นหลักแสนหลังคาเรือน ซึ่งสิ่งนี้เป็นเรื่องที่เราต้องพยายามแก้” ชัชชาติยกตัวอย่าง
“กรุงเทพไม่ได้มีปั-ญห-าสำคัญที่สุด หนึ่ง สอง สาม แต่เป็นปั-ญห-า หนึ่ง สอง สาม ถึงร้อยที่สามารถแก้ได้พร้อม ๆ กัน เพราะมันมีหลายสำนักที่ดูแล เพราะฉะนั้นอย่าไปคิดว่าปัญหาใหญ่สุดคือรถติด เพราะทุกคนมีปัญหาต่างกัน หัวใจคือเราเข้าใจปัญห-าของทุกกลุ่ม และพยายามเริ่มแก้ปัญห-าพร้อม ๆ กันไป” ชัชชาติย้ำ
ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ ที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี ปฏิเสธไม่ได้ว่าชัชชาติกำลังเป็นที่นิยมทั้งในโลกออนไลน์และออฟไลน์ แต่คู่แข่งที่เปิดตัวสู้บนสังเวียนเลือกตั้งผู้ว่าฯ กรุงเทพมหานครก็ล้วนแล้วแต่โปรไฟล์ดีและได้รับความนิยมเช่นเดียวกัน ซึ่งชัชชาติชี้ว่า เขาไม่กังวลและยังมุ่งมั่นที่จะทำงานเพื่อแก้ไขปัญห-าชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนต่อไป
“คนมีความตื่นตัวเรื่องการเมือง ซึ่งนี่เป็นเรื่องสำคัญ เพราะยิ่งคนออกมาเลือกตั้ง มันยิ่งเป็นประชาธิปไตยที่เข้มแข็งขึ้น” ชัชชาติกล่าว ก่อนจะทิ้งท้ายว่า “ถ้าจะเลือกผมคืออยากให้ผมไปทำงาน แล้วก็ไว้ใจผม แต่จริง ๆ แล้วไม่ต้องรีบ ให้รอ เพราะยังมีคนจะเปิดตัวอีกเยอะ รอใกล้ ๆ แล้วเลือกผมว่ายังมีอีกหลายพรรคที่เปิดตัว ไม่ต้องรีบ ผมว่าฟังนโยบายให้ครบถ้วน ดูผู้สมัครให้ครบถ้วน แล้วก็ไว้ใจใคร ใครมีคำตอบที่ดี ผมว่าก็เลือกคนนั้น แต่ถ้าไว้ใจผม อยากให้ผมทำงาน ก็เลือกผม”